บทที่ 2.6
การปฏิเสธและวิ่งหนี
จินในสมัยม.ต้นเป็นพวกเด็กที่มักจะทำอะไรด้วยตัวเองทั้งหมด ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ขอความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น
ในงานปฐมนิเทศเข้าเรียนวันแรก จินสอบเข้าได้คะแนนสูงสุด เลยได้เป็นตัวแทนนักเรียนใหม่ไปพูดสุนทรพจน์ในวันเปิดเรียน ด้วยความที่เป็นเด็กที่เรียนเก่งขนาดที่สอบได้เป็นที่หนึ่งในระดับจังหวัดตั้งแต่ชั้นประถม ทำให้ชื่อของจินนั้นเป็นที่รู้จักทั้งในหมุ่นักเรียนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ รวมไปถึงเหล่าคุณครูทั้งหลายด้วย
การเป็นจุดเด่นแบบนี้ ..มีทั้งเสียงชื่นชมและความหมั่นไส้
"ทำสายตาแบบนั้น คิดว่าตัวเองเจ๋งนักเหรอวะ"
หัวโจกของกลุ่มที่ดูท่าทางเอาเรื่องพูดพร้อมกับผลักจินไปชนผนังอาคารเรียนในวันแรกที่เปิดภาคเรียน จินไม่ได้ตอบโต้อะไร มีแต่สายตาอันแข็งกร้าวที่ยังคงจับจ้องอยู่
"อย่ามาทำซ่าแถวนี้นะเว้ย"
พวกนักเรียนเจ้าถิ่นพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินจากไป
"ทำไมต้องมีเรื่องกันตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนด้วยน๊า"
พวกอาจารย์ได้แต่บ่นว่าไปลอยๆ โดยที่ไม่ได้จัดการอะไรอย่างจริงจัง
วันต่อมา วันต่อๆมา จินก็ถูกเรียกไปที่ด้านหลังสระว่ายน้ำบ้าง ในห้องน้ำบ้าง โดยหัวโจกรุ่นพี่ชั้นปี 3 ที่อยู่ห้องเดียวกับพี่สาวเป็นคนเข้ามาหาเรื่อง
" แกนี่มันรกหูรกตาจริงๆ ถ้าอยากจะเรียนที่นี่อย่างสงบสุขละก็ รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวซะบ้างเว้ย"
กำปั้นหนึ่งที่ชกเข้ามาโดนลำตัวอย่างจัง พร้อมกับเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
ทั้งที่คิดว่าการกระทำที่ไร้เหตุผลพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ ทั้งที่เคยคิดว่า อดทนไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง แต่ดูเหมือนเรื่องราวมันจะไม่จบลงง่ายๆ ยิ่งอยู่นิ่งเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนพวกรุ่นพี่พวกนั้นจะยิ่งเอาใหญ่
จากนั้นมากเขาเลยเริ่มหันมาออกกำลังมากขึ้นโดยเน้นไปที่การสร้างกล้ามเนื้อ ที่บ้านมีเครื่องออกกำลังกาย 筋トレ マシン ที่พ่อซื้อไว้ให้อยู่แล้ว จินก็ได้ใช้ประโยชน์ตรงนั้นอย่างเต็มที่ พอขึ้นม. 2 เขาก็สามารถยก bench press ได้ถึง 100 kg. และจินยังเล่นกีฬาอื่นๆอีกนอกจากเคนโด้แล้วก็ยังเล่นยูโด, คาราเต้, บาสเก็ตบอล, ว่ายน้ำ อีกด้วย กลายเป็นว่าหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องกับจินอีกเลย
เครื่องออกกำลังกาย 筋トレ マシン ที่บ้านคุณจินค่ะ ไม่รู้จะแปลว่าอะไรเลยเขียนญี่ปุ่นไปเลย พอลองกูเกิ้ลดูก็ได้เห็นเครื่องหน้าตาแบบนี้ ...อื้อหือ.... |
ส่วนนี่เป็นเครื่อง bench press ที่จินสามารถยกได้ถึง 100 kg เลยค่ะ สำหรับเรา 20 กิโลก็ยากแล้วเหอะ |
นอกจากจะเก่งเรื่องกีฬาแล้ว... เรื่องเรียนหนังสือก็ยังทำได้ดี ไม่ว่าวิชาไหนๆก็ไม่เคยได้คะแนนต่ำกว่า 90 เลยซักครั้งเดียว
แต่ถึงอย่างนั้น ในสายตาของเหล่าอาจารย์ จินก็ไม่ใช่นักเรียนที่ดีซักเท่าไหร่ ด้วยแววตาที่พร้อมหาเรื่องตลอดเวลา และคำพูดที่ไม่มีความเคารพอยู่เลยแม้แต่น้อย
" นี่ๆ อาจารย์ ถอนหายใจทำไมฮะ?"
" เปล่าๆ พอดีขึ้นบันไดมาแล้วมันเหนื่อยน่ะ"
"ฮ่าๆๆ เสียงดังหนวกหูจังฮะ"
"อย่าพูดแบบนั้นสิ โกะไดคุง ไปนั่งที่ได้แล้ว จะเริ่มเรียนละนะ"
" เฮ้ออ.. ม่ายยละ ถอนหายใจเสียงดังหนวกหูแบบนี้เรียนไม่ไหวหรอกน๊า"
พอพูดจบ จินก็เดินออกไปจากห้อง แล้วก็ไม่กลับเข้ามาเรียนอีกเลย
ถึงจะทำตัวแย่ หรือโดดเรียนบ่อยแค่ไหน แต่จินก็ยังเรียนได้ทอปในชั้นปี
ตอนอยู่ ม.2 ได้ไปเที่ยวที่บ้านเพื่อน และได้รู้จักกับเสียงดนตรีเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่นั้นมาในหัวใจของจินก็เต็มไปด้วยดนตรีร็อค พอขึ้น ม.3 ก็ตั้งใจไว้แล้วว่า ถ้าเรียนจบ ม.6 แล้วละก็ จะเป็นนักดนตรีมืออาชีพ จะไม่เรียนมหาวิทยาลัย จะไม่เป็นหมอตามที่พ่อต้องการแล้ว จากนั้นมาทุกๆวันเขาก็เอาแต่เล่นดนตรี โดยที่ยังสามารถรักษาผลการเรียนไว้ได้ คุณพ่อจึงไม่ได้เอะใจเลยถึงความคิดของจินที่เปลี่ยนไป
เพื่อที่จะได้มีเงินซื้อเครื่องดนตรี จินจึงคิดจะเริ่มทำงานพิเศษและเริ่มตั้งวงดนตรีกับเพื่อนที่เจอกันนอกโรงเรียน
พอเรียนจบชั้นม.3 ก็ได้เวลาต้องหาที่เรียนต่อชั้นม.ปลาย
คุณพ่อมีความตั้งใจอยากให้เข้าโรงเรียน N ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เก่งทางด้านสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่มันค่อนข้างจะไกลจากบ้านพอสมควร ใช้เวลาเดินทางถึงสองชั่วโมงครึ่งจากบ้าน .. ถ้าไปเรียนที่นั่นละก็ ไม่มีเวลาทำงานพิเศษหรือซ้อมดนตรีแน่ๆ วงของตัวเองก็เพิ่งตั้งได้ไม่นานด้วย
จินเลยพูดอธิบายกับพ่อไปมั่วๆว่า
"พ่อฮะ จริงๆเรื่องเรียน ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับความตั้งใจของตัวเองนะครับ เรียนที่ไหนก็เหมือนๆกันนั่นแหละ ถ้าไปเรียนที่โรงเรียน N ละก็ เวลาเดินทางไปกลับ รวมกันตั้ง 5 ชั่วโมง เสียเวลาไปเปล่าๆโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย..ผมว่าผมไปเรียนที่โรงเรียน A ดีกว่า"
" จะเอาแบบนั้นเหรอ .. แน่ใจนะ"
"ครับ คะแนนของที่นั่นอยู่ที่ 61 ก็ค่อนข้างดี แล้วก็ไม่ไกลจากบ้านด้วย ประหยัดเวลาเดินทาง ส่วนเรื่องเรียนน่ะ จริงๆแล้วผมว่าเรียนเองแค่ที่บ้านแล้วก็ที่เรียนพิเศษก็เพียงพอแล้วฮะ"
"อืม.. เอางั้นก็ได้ แต่ต้องเพิ่มเวลาเรียนที่บ้านแล้วให้มากขึ้นนะ"
"ฮะ!"
จินตอบรับด้วยความดีใจ
จากนี้ไปพอขึ้นม.ปลายก็จะได้มีเวลามากขึ้นแล้ว จะได้ไปทำงานพิเศษแล้วก็ซ้อมดนตรีอย่างจริงจังซะที!!
Sorette kiseki -บทที่ 2.6 การปฏิเสธและวิ่งหนี
Reviewed by ITadmin
on
00:04:00
Rating:
No comments: