GReeeeN คือ??

บทเพลงของหมอพันอารมณ์ดี ดนตรี Feel Good!

Review ภาพยนตร์ Kiseki Ano Hino Sobito




ไปดูมากแล้วค่ะ
ใช้เวลานานพอควรในการเขียนรีวิว
คิดเยอะมาก ว่าจะเขียนยังไงดีให้มันไม่สปอยด์ ไม่ใส่สาระของหนังมากเกินไป
สุดท้ายก็ทำไม่ได้ 55 มีเรื่องอยากบ่นถึงขั้น MAX

จริงๆแล้วสารภาพว่า หลังจากไปคอนมาเมื่อวันที่ 7 มค.
ความอยากดูหนังเรื่องนี้ของเราก็ลดลงไปซะเยอะจริงๆ
มีความรู้สึกอิ่มกับคอนแล้วอะ
รู้สึกว่า อืม ... หนังนี่ ยังไงก็ได้ละ

แต่ด้วยความที่มีธุระอย่างอื่นให้ไปทำที่ญี่ปุ่น บวกกับมีตั๋วฟรีอยู่ในมือ... แบบเออ ก็ไม่ได้ใช้เงินอะไรเพิ่มมากมาย  ไปก็ได้วะ

เป็นที่มาของทริปดูหนังแบบ โนแพลนในครั้งนี้

...
..

หนังเข้าโรงมาแล้วหนึ่งเดือน ไอ้เราก็คิดว่าโรงไม่น่าจะเต็ม ไม่ต้องจองล่วงหน้ามากก็ได้มั้ง
ที่ไหนได้
โรงหนังที่เล็งไว้ว่าจะไปดูแถวชินจูกุ ตั๋วขายหมดแล้ว
อ้าว เฮ้ย กันเลยทีเดียว
ต้องบึ่งไปจองตั๋วโรงหนังอีกที่ ตรงชิบุย่าโดยไวเลยค่ะ

ได้รอบ บ่าย 4 โมง 50 โรงหนัง Toei ที่ชิบุย่า
อยู่ชั้น 9 ของตึก bic camera ค่ะ

ในโรงคือเต็มทุกที่นั่งจนเราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ ว่ามันยังขายได้อีกเหรอวะ (เข้าโรงมาแล้วหนึ่งเดือน)
คนมาดูส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงค่ะ
ส่วนผู้ชาย 99% ก็จะเห็นว่า มากะแฟน (ก็คือมาเป็นคู่กับสาวๆนั่นเอง)
ข้างซ้ายเราเป็นคู่รักม.ปลาย ใส่ชุดนักเรียนมาเลยจ้า
ก่อนหนังฉายพวกเธอก็หยอกล้อเล่นกันไม่เกรงใจคุณป้าที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยทีเดียว
(ผู้ชายหล่ออีก...ดิชั้นนี่เหล่มองอย่างสาปแช่งด้วยความอิจฉา)

เอ้า! เอาความรู้สึกส่วนตัวกองไว้ตรงนั้น แล้วเข้าเรื่องกันดีกว่า
กับภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของคุณหมอทั้งที่คนจากวงกรีน

 Kiseki Ano Hino Sobito

ส่วนตัวแล้วอย่าถามเลยว่าจะให้คะแนนเท่าไหร่.... เพราะไม่รู้จะให้คะแนนตรงไหนดี

กระแสในญี่ปุ่น ไม่ได้ดังและปังมาก แต่ก็ไม่ได้แย่แบบขายไม่ได้เลยซะทีเดียว
รายได้ทะลุพันล้านเยนไปแล้ว.. ก็นับว่าสูงใช้ได้ เรียกได้ว่าไม่ขาดทุนแหละ

...
..

คนเราต่างจิตต่างใจ
ย้ำอีกที  สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นความคิดส่วนตัวของเราคนเดียวนะคะ
ไม่อยากให้ทุกคนคล้อยตามสิ่งที่เราเขียน ก่อนที่จะได้ดูหนังจริงๆหรอกนะ
อ่านไว้ประดับสมองเล่นๆก็พอ
พระพุทธเจ้าบอกว่าให้ใช้ปัญญาพิจารณาก่อนตัดสินอะไร  ก็คิดกันซักนิด
อย่าให้ความคิดเราไปครอบงำให้เกิดอคติเลย (สาธุ)

อะไรก็ตามที่เราไม่ชอบ มันอาจจะดีในสายตาคนอื่นก็ได้
ยกตัวอย่างเลย หนังกระแสดีๆเยี่ยมๆ อย่าง Kimi no Na wa หรือเรื่องอื่นๆของชินไค มาโกโตะ
เรานี่... เฉยมากกกก  เข้าขั้นหลับค่ะ
เฉยขนาดที่.. ถ้ามีคะแนนสิบ คงให้ไม่เกินห้า

หนังอนิเมชั่นดีๆของจิบลิ เราก็ไม่อินซักกะเรื่อง
(เดี๋ยวๆๆ แฟนๆเรื่องเหล่านี้อย่าเพิ่งนัดกันมาดักตบเรานะ ...
บอกแล้วว่าของแบบนี้มันแล้วแต่สไตล์คนชอบมากกว่า)

หนังญี่ปุ่นที่ฉายในโรงภาพยนตร์... ตั้งแต่ดูมา บอกเลยว่า เราชอบอยู่ไม่กี่เรื่องเอง
น้อยมากๆ (ผิดกับละครญี่ปุ่นนะ เราชอบหลายเรื่องมากๆ)

เราชอบหนังบทแน่นๆ
ทุกการกระทำของทุกตัวละครต้องมีเหตุผลรองรับ
ซึ่งบางทีการบอกเล่ารายละเอียดพวกนี้ มันทำได้ยากในภาพยนตร์ที่ต้องจบอยู่ในสองชั่วโมง
ก็เข้าใจอยู่ว่ามันคงไม่มีเวลาให้เวิ่นเว้อค่อยๆทำความรู้จักกับตัวละครซะเท่าไหร่หรอก

............................ก็เข้าใจหรอกนะ...แต่ว่า........

เราเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ในฐานะแฟนเพลงกรีน
อยากเข้าไปดูสิ่งที่หนังโปรยเอาไว้
ว่าเป็นเรื่องราวความเป็นมาของวงกรีนก่อนตั้งวง
ความยากลำบากในการทำทั้งสองความฝันให้เป็นจริง บลาๆๆๆ

เราไม่ได้เข้าไปดูเพราะ สุดะ มาซากิ หรือ มัตสึซากะ โทริ

นั่นคือส่วนนึงที่ทำให้เรารู้สึกติดลบกับหนังเรื่องนี้
เพราะหนังไม่ได้ตอบโจทย์เราเลยยยย

.....

ส่วนนึงที่ทำให้เราผิดหวังมากกว่าคนทั่วไป คงเพราะเราอ่านหนังสือ sorette Kiseki มาก่อน
มันมีเรื่องราวมากมายที่หนังสืออธิบายไว้ มีหลายฉากที่ฮา และซึ้งน้ำตาร่วง
และเราก็คาดหวังจะได้เห็นสิ่งเหล่านั้นบ้างในหนัง
แต่มันเก๊าะไม่มีเลย...

ตอนหนังจบ .. อารมณ์เหมือนตอนเดินออกจากโรงตอนดู attach on titan ภาคคนแสดงเลยค่ะ
แบบ..ห๊ะ!?
หนังสือเค้าเขียนเรื่องดีๆไว้เยอะแยะ....แล้วพวกเอ็งเอาบทอะไรมาแสดงกันเนี่ย!!!!

สำหรับคนที่ไม่อยากโดนสปอยด์ เราขอสรุปใจความอย่างเดียวที่แย่ที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ "บท" ค่ะ
บท "อ่อนมาก" ด้วยเหตุผลสามข้อ
1. หลายๆการกระทำของตัวละครไม่มีเหตุผลที่มาที่ไปมารองรับดีพอ
2. การทำเดินเรื่องไปเรื่อยเปื่อยมาก ไม่มีจุดพีค อยากจบก็จบ เดาเนื้อเรื่องได้หมด
3. การกระจายบททำได้แย่ ตัวเอกในวงกรีนคนอื่นๆนอกจากฮิเดะแทบไม่มีบทเลย ในขณะที่บางตัวละครก็กลับถูกใส่เข้ามาโดยไม่มีเหตุผลว่าจะให้มีบทนี้ทำไม

ส่วนข้อดีของหนัง แน่นอน
สุดะ + โทริค่ะ
สำหรับคนที่ปลื้มสองคนนี้ ไปดูเรื่องนี้คงจะฟินไม่ใช่น้อย
ฉากโทริร้องเพลงนี่เป้นอะไรที่เอโร่ยจริงๆ  เพลงของวงพี่ชาย (high speed) ก็เพราะดี
เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนดูถึงมีแต่ผู้หญิง ... มันเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง
และเราก็ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมแฟนกรีน (โดยเฉพาะผู้ชาย) ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้กันเลย


ต่อไป เราจะระบายอย่างละเอียดค่ะ ชนิดที่ว่าสับแล้วเชือดกันเลย วะฮ่าๆ
(ตรงส่วนนี้สปอยด์แหลกนะคะ ใครไม่อยากโดนสปอยด์ไปดูหนังให้จบก่อนแล้วค่อยมาคุยกันค่ะ )

บทอ่อน(มาก)
นี่คือเรื่องสำคัญที่สุด ..
นี่คือปัญหาทีเป็นวาระแห่งชาติที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ดังอย่างที่ควรจะเป็น
ทั้งที่องค์ประกอบอื่นๆมันเอื้ออำนวยได้ดีขนาดนี้แท้ๆ

มีทั้งนักแสดงดังๆมากความสามารถอย่างสุดะกับโทริ ที่มารับบทนำ
มีเด็กๆวงกรีนบอยที่ทั้งเฟรชทั้งหล่อ ความสามารถเพียบ
มีเพลงเพราะๆ + ความดังของกรีน ที่การันตีได้ระดับนึงว่า ต้องมีคนมาดูอย่างแน่นอน

แล้วยังโฆษณาเพิ่มความน่าสนใจได้อีกว่า เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงนะ!!

 จริงๆแล้วเราว่าถ้าบทดีพอ   ทุกสิ่งมันสามารถประกอบกันให้หนังเรื่องนี้ติดอันดับหนังทำเงินดีๆ และมีโอกาสเข้าฉายบ้านเราสูงมากไม่แพ้เรื่องอื่นๆเลย
แต่น่าเสียดายที่ว่า...บทของเรื่องนี้ ..ดึงเสน่ห์ของกรีนออกมาไม่ได้เลยจริงๆ
ทำให้มองได้ว่า  คนเขียนบท ไม่ได้ทำความรู้จักกับกรีนเลยซักนิด
แค่เขียนบทภาพยนตร์มาจากเรื่องที่เค้าเล่าให้ฟังเท่านั้นเอง

เราไม่รู้ว่าคนที่ไม่รู้จักกรีนเลย ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะรู้สึกอินรึเปล่า
แต่สำหรับแฟนกรีนอย่างเรา บอกได้เลยว่าไม่อินค่ะ

อย่างแรกเลยคือ... ความบ้าของฮิเดะหายไปหมด..

คือ..ถ้าใครฟังกรีนเรดิโอและติดตามเพจเราบ่อยๆ
คงจะรู้ถึงความบ้าและอินดี้ของฮิเดะ ลีดเดอร์ของเราดีใช่มะ

(มันคือเด็กป่วนหัวหน้าแก๊ง ที่ตีสนิทกับชาวบ้านเค้าไปได้ทั่ว  คือคนที่ใส่กางเกงยีนส์ไปสอบสัมภาษณ์หมอ แล้วยังย้อมผมทอง ผมแดง เดินไปเรียนหมอนะท่าน พอคนทักมาก็บอกหน้าตาเฉยว่า "จะมีผมสีอะไรก็ไม่เห็นเกี่ยวกับการเรียนเลยนี่นา".... ธรรมดาซะที่ไหน)

แต่ฮิเดะในหนังไม่มีจุดนี้เลย  หลงเหลือแต่ฮิเดะคนที่เอาจริงเอาจังกับการเรียนม๊ากมาก (โดยที่ไม่รู้ว่าจะจริงจังกับการเรียนทำไมอะไรเบอร์นี้) รอยยิ้มของฮิเดะในหนังนี่ แทบจะนับฉากได้เลยดีกว่า
และในหนังยังมีฮิเดะคนที่จริงจังกับดนตรีม๊ากมาก (โดยที่ไม่มีการปูพื้นมาเลยว่า ฮิเดะแม่งเป็นคนชอบดนตรีตั้งแต่เมื่อไหร่ ) มันทำให้ดูขัดกันจริงๆ

คือถ้าเป็นในหนังสือ...จะมีการปูเรื่องราวตั้งแต่เด็ก ที่ฮิเดะเริ่มบ้าไมเคิลแจคสัน เริ่มแอบดูพี่ชายเล่นเครื่องดนตรี เริ่มมีกีตาร์ตัวแรก  มันก็ยังมีที่มาที่ไปไงคะ

ทำไมฮิเดะชอบดนตรี ทำไมฮิเดะต้องตั้งใจเรียน  ทำไมต้องมาเป็นหมอ
ถ้าหนังแทรกเหตุผลเรื่องนี้ไปได้ น่าจะทำให้คนอินได้มากกว่านี้

แต่ในหนังนี่ไม่มีเลย T_T

 อีกอย่างคือ...บทของพ่อที่โหดเว่อร์
ทำไมถึงอยากให้ลูกๆตั้งใจเรียน ทำไมคัดค้านการเป็นนักดนตรี
ทำไมกะอิแค่ลูกไปเล่นดนตรีถึงต้องลงไม้ลงมือต่อยกัน (มีเอาดาบจะมาฟันด้วย)
แม่งเวอร์ไปป่าววว

คือในหนังสือ จะค่อนข้างอธิบายไว้ว่าพ่อเป็นคนเข้มงวด ตั้งแต่จินและฮิเดะยังเด็กๆก็กลัวพ่อด่ามาตลอด จริงๆตอนที่จินออกจากบ้าน  ไม่จำเป็นต้องมีฉากโดนต่อยเลย  มันดูรุนแรงไร้สาระไป  ดำเนินเรื่องตามหนังสือน่าจะดีซะกว่า  แต่พ่อบอกมาว่า  "ถ้าจะทำตัวแบบนี้ก็ไสหัวออกไปจากทีนี่ซะ " แค่นี้มันก้ดูรุนแรงแล้วก็เจ็บมากกว่าการลงไม้ลงมือตั้งเยอะ มันค่อยดูเป็นคนมีการศึกษาสมกับเป็นหมอหน่อย   ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ลงไม้ลงมือ  ฮ่วยยย

อย่างที่สอง .. ความสัมพันธ์ของสมาชิกในวงก็มาเร็วเคลมเร็วมาก 

แป๊บๆตั้งวงละ
แป๊บๆเดบิวน์ละจ้า

คืออัลไล!!!

แม้แต่ชื่อของสมาชิกในวงนี่ ยังแทบไม่ได้เรียกชื่อกันเลย
บทสมาชิกคนอื่นๆ น้อยมาก อย่างกับตัวประกอบ
เรียกได้ว่า ฉากที่เอามาโปรโมทๆนั่น ก็คือฉากที่สมาชิกออกด้วยกันทั้งหมดแล้วค่ะ

หนังอธิบายความเป็นมาทางดนตรีของสมาชิกแต่ละคน (นาสี โซ คุนิ)แค่ฉากเดียวเลยจริงๆ คือตอนที่นั่งคุยกะสาวๆ แล้วแต่ละคนบอกว่าเลยเล่นดนตรีกันมาบ้าง..เป็นการรวบรัดที่มักง่ายมากๆ...

ถ้าคนไม่รู้เรื่องมาเลยคงไม่สนใจฉากนี้แน่ๆ
ยิ่ง SOH นะคะ บอกในหนังว่าตัวเองไม่เคยเล่นดนตรีมาก่อน แล้วคืออยู่ดีๆก็มาร่วมก๊วนกับฮิเดะเฉย
ร้องเพลงด้วยได้เลย

เห้ยยย  นี่มันคือบะหมี่สำเร็จรูปเกินไปนะ

ทำไมฮิเดะถึงเลือกทำเพลงกับเพื่อนๆกลุ่มนี้ มันควรจะมีอะไรอธิบายหน่อยมั้ย?

ในหนังสือนี่กว่าจะตั้งวงกันได้ มีเรื่องราวดีๆที่น่าเอามาใส่ในหนังตั้งเยอะ ทำไมไม่เอามาเลย
อย่างตอนที่ฮิเดะอ่านชื่อคันจิของนาวีผิด  แล้วก็เนียนเรียกนาวีไปเลย อันนี้ก็น่ารักดี  เป็นที่มาของชื่อนาวีเลยนะ  หรือดราม่าเล็กๆระหว่างฮิเดะกับนาวีด้วยตอนที่เอา SOH กับคุนิเข้าวง อันนี้ก็น่าจะใส่ซะหน่อย

คือ..มันน่าจะทำให้หนังดูสมจริงสมจัง  และทำให้คนมีอารมณ์ร่วมไปได้มากกว่าเยอะ

ถ้าจะบอกว่า..แหม หนังสองชั่วโมงค่ะ คงเก็บรายละเอียดได้ไม่หมด
ในกรณีนี้เราว่าไม่ใช่เลย
เพราะหนังมีฉากและบทที่ไม่จำเป็นใส่มาหลายฉากทีเดียว
ถ้าจัดสรรดีๆ ฉากเหล่านั้นน่าจะแทนที่ด้วยฉากมีสาระหน่อยจะดีกว่า

อย่างแฟนของฮิเดะนี่  ดูจบแล้วก็ยังงงว่าจะมีบทนี้ทำไม? (ในหนังสือก็ไม่มี) ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเนื้อเรื่องเลยซักนิด จะสื่อว่าฮิเดะชอบเสียงเพลง  ก็ไม่ได้จำเป็นต้องใส่ฉากฮิเดะเดินเข้าร้านซีดีบ่อยๆเลยป่าววะ (เข้าใจว่าต้องมีฉากนี้เพราะเป็นการโฆษณา HMV)

ดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเหมือนมีคำสั่งใครบางคนอยู่ข้างหลังให้ใส่บทนี้ฉากนี้มาเพื่อโปรโมทอะไรบางอย่าง  เช่นโปรโมทนักแสดงรึเปล่านะ ?
อย่าง ฉากที่ SOH วิ่งไปซื้อข้าวให้คนอื่นๆ นี่กล้องถ่ายนานทั้งๆที่มันไม่มีอะไร
ซึ่งก็ชัดเจนว่าฉากนี้โปรโมทโยชิโนะยะ  ร้านข้าวหน้าเนื้อนั่นแหละ

คือแบบ...อะไรคะ ?
นี่มันหนังของกรีน หรือหนังโปรโมทอย่างอื่นกันแน่วะเนี่ย


อย่างที่สาม .. ช่วงท้ายเรื่อง...จุดพีคที่ไม่พีคเอาซะเลย 

ฉากไคล์แมกซ์ที่เราอยากดู คือบทของจินตอนที่สารภาพกับพ่อเรื่องวงกรีน
เพราะในหนังสือเขียนได้ซึ้งมากๆ
ตอนเพลง Ai Uta ออกขาย แล้วดังมากๆ ประสบความสำเร็จมากมาย
สมาชิกทุกคนโทรไปบอกที่บ้าน ว่าตัวเองได้เดบิวน์เป็นนักร้องแล้วนะ ที่บ้านทุกๆคนล้วนดีใจและสนับสนุนเต็มที่  โดยเฉพาะพ่อแม่ของคุนินี่บอกเลยว่า ไม่อยากเชื่อว่าลูกชายไม่เอาถ่านของตัวเองจะดูเอาการเอางานขนาดนี้ อย่าไปทำวงเค้าเสียหายล่ะ (คือก่อนหน้านี้ฮีเอาแต่บ้าบาส ทำตัวล่องลอย ไม่ยอมตั้งใจสอบเข้ามหาลัยจนพ่อแม่เป็นห่วงไง)

มีแต่ที่บ้านของฮิเดะ ที่ยังไม่มีใครรู้เรื่องว่าเพลงฮิตติดชาร์จนั้นเป็นของลูกชายตัวเอง
อย่างที่รู้ว่าพ่อของจินกับฮิเดะค้านเรื่องทำดนตรีมาตลอด  ทั้งสองคนก็เลยไม่บอกที่บ้านเรื่องนี้เลย
จนวันนึง..เมื่อประสบความสำเร็จ (จากเพลง Ai Uta) จินเลยชวนฮิเดะกลับบ้านไปสารภาพบาปกับคุณพ่อกัน

เป็นตอนที่เราร้องไห้เยอะมากที่สุดละ
แบบ.. โฮ้ยยยย

แต่ในหนัง... มันคนละฟีลเลยค่ะ

หนังสร้างปมมาว่า ฮิเดะไม่อยากทำวงกรีนต่อ เพราะการเรียนตก
แต่โดนพี่ชายพูดเตือนสติ (แค่ฉากเดียวเองเลยนะ) เลยกลับมาได้
พี่ชายไปบอกให้พ่อ ยอมให้น้องทำเพลงต่อ โดยที่ไม่ได้บอกว่าพวกตัวเองคือวงกรีน

อะไรกันวะ

วงกรีนไม่ได้มีแค่ฮิเดะนะ คนที่เหนื่อยกับการทำวงไปด้วย เรียนไปด้วย มันไม่น่ามีแค่ฮิเดะ  เพราะทุกคนก็เรียนหมอเหมือนกันปะ .. พอแสดงออกมาแบบนี้เลยให้ความรู้สึกว่าฮิเดะเป็นคนไม่มุ่งมั่น ขัดกับคาแรกเตอร์ของฮิเดะตัวจริงมากๆ
แล้วความเหนื่อย ความยากลำบากในการเรียนไปทำเพลงไปด้วย  ในหนังกลับโผล่มาแค่ฉากเดียว.. (ตอนที่ฮิเดะทำข้อสอบไม่ได้แค่นั้นเอง)

ทั้งที่ความเป็นจริง มันก็มีอะไรมากกว่านี้ ..เป็นเรื่องที่มีเขียนไว้ในเว็บ official อีกด้วย
การเรียนหมอคาบเรียนมีตั้งแต่ 8 โมงถึง 5 โมงเย็น เรียนเสร็จแล้วก็มาสุมหัวกันแต่งเพลงกัน ตอนกลางคืนก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมเรียนวันถัดไป ยิ่งตอนใกล้สอบแพทย์ทั่วประเทศ ฮิเดะเต็มที่กับการทั้งทำเพลงและอ่านหนังสือเตรียมสอบแค่ไหน  SOH เอง ตั้งใจอ่านหนังสือแต่ก็ยังสอบตก  ไอ้ความยากลำบากตรงนี้ ถ้าถ่ายทอดออกมา น่าจะเป็นการให้กำลังใจคนที่กำลังลำบากอยู่อีกเยอะ

ทีแบบนี้ทำไมไม่เอาเรื่องจริงมาแสดงว๊าาา...

บทพูดที่พ่อพูดยอมรับในตัวลูกชายในหนังนั่นก็ขัดใจ
(หนังสือออกจะเขียนไว้ดิบดี ในหนังลดเหลือไม่กี่ประโยค)

คาแรกเตอร์ของฮิเดะกับจินก็ขัดใจ
(ในหนังสือวางจินเอาไว้ว่า เป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อมุ่งมั่นเป็นนักดนตรีร็อก  ต่อให้ต้องทิ้งอะไร หรือทิ้งใครไว้เบื้องหลังก็จะก้าวต่อไป ถึงจะอยู่คนเดียวก็จะก้าวต่อไป  เพลงที่จินแต่งก็จะดูดุดัน แข็งกระด้าง

ส่วนฮิเดะเป็นพวกเข้าสังคมเก่ง แม้จะอยากทำตามฝันเหมือนกัน แต่ก็คิดถึงคนรอบข้างอยู่ตลอด เป็นคนที่ชอบอยู่เป็นกลุ่มมากกว่าอยู่คนเดียว เพลงที่ฮิเดะแต่งเลยมีความอ่อนโยนมากกว่า  สองคนที่มีคาแรกเตอร์แบบสีขาวกับดำแบบนี้ มองไม่เห็นเลยในหนังเรื่องนี้ น่าเสียดายมากๆ )

หลังจากกลับไปเยี่ยมพ่อที่เกียวโต  ในหนังสือจะมีฉากที่ฮิเดะกับจินนั่งรถไฟกลับโตเกียวด้วยกัน  แล้วจินก็พูดกับฮิเดะเรื่องเนื้อเพลง Ai Uta ว่าเป็นเพลงรักที่อ่อนโยนดีนะ  เพลงแบบนี้ตัวเองแต่งไม่ได้แน่ๆ  ส่วนฮิเดะก็บอกประมาณว่า เพราะว่ามีทุกคนอยู่ด้วย ก็เลยแต่งเพลงแบบนี้ออกมาได้  ถ้าอยู่คนเดียวก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน

โอยย ถ้ามีฉากนี้ในหนังมันต้องดีแน่ๆ

ทำไมไม่มีๆๆๆๆๆ  หงุดหงิดๆๆๆ

เอาเถอะ จบละ

จริงๆตั้งแต่ตอนที่หนังฉายใหม่ๆ เราก็เริ่มตะหงิดๆอยู่ละ
ว่าแฟนกรีนญี่ปุ่นที่เป็นผู้ชาย ไม่ค่อยชื่นชมหนังเรื่องนี้เท่าไหร่เล้ย
(มีแต่แฟนเพลงสาวๆ ที่กรี๊ดดารากันเป็นปกติ)

ก็เผื่อใจไว้บ้างละนะ ว่าหนังคงไม่ได้ดีอย่างที่เราคิด
แต่สุดท้ายแล้วก็แอบนอยด์อยู่ดี

เหมือนหนังสร้างมาเพื่อโปรโมทอะไรบางอย่าง .... โดยไม่ได้ให้ข้อคิดอะไรกับคนดูเลย
เสียดายมากๆ

คงต้องภาวนาต่อไปให้ทำเรื่องนี้เป็นดราม่า ละครหลังข่าว
ถ้าทำได้....น่าจะเป็นอะไรที่ใส่รายละเอียดได้เยอะอย่างที่เราต้องการจริงๆ

(ปล. ว่าแต่ขอนักแสดงชุดเดิมนี่เลยนะ งานดีๆทั้งนั้น ปลื้มค่ะ!!)

Review ภาพยนตร์ Kiseki Ano Hino Sobito Review ภาพยนตร์ Kiseki Ano Hino Sobito Reviewed by ITadmin on 10:11:00 Rating: 5

No comments: