GReeeeN คือ??

บทเพลงของหมอพันอารมณ์ดี ดนตรี Feel Good!

Sorette kiseki -บทที่ 3.4 จะเลือกเรียนแพทย์หรือแฟชั่น

บทที่ 3.4

 จะเลือกเรียนแพทย์หรือแฟชั่น




** ในหนังสือตอนนี้บอกว่าผ่านมา 3 ปีแล้ว แสดงว่ามีการสอบปีละครั้ง ตอนที่แล้วเราแปลผิด ว่ามีสอบปีละ 2 ครั้ง ขอโทษด้วยค่ะ **

สอบเอนท์ครั้งที่ 4
หลังจากที่เอาแต่เที่ยวเล่น สอบไม่ติดมา 3 ปีติดต่อกัน 
ครั้งนี้ รู้สึกว่าคงต้องอ่านหนังสืออย่างจริงจังซะแล้ว

นับตั้งแต่เข้าเรียนที่นี่  ฮิเดะเพิ่งเดินเข้าห้องเรียนรู้ด้วยตัวเองของโรงเรียนกวดวิชาเป็นครั้งแรก 
หวังว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือดูซักตั้ง..แต่พอเปิดหนังสือเรียนแค่หน้าแรกเท่านั้น ...

Limit, integrate 
มันอะไรกันวะ? 

หืม...เหมือนตอนม.ปลายอาจารย์เคยพูดอยู่  อะไรประมาณนี้..
โอ๊ยย...
จำไม่เห็นได้เลยซักนิดเลยเว้ย!!!
แย่ละ...

ความสิ้นหวังในการเรียนเริ่มเด่นชัดขึ้นมาทันที
...
..
.

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เจ้าของร้านเสื้อผ้าใกล้ๆโรงเรียน  ที่ฮิเดะสนิทสนมจนนับถือเป็นพี่สาวคนนึง กำลังจะเปิดร้านสาขาใหม่พอดี

"ฮิเดะ พี่ว่าจะเปิดร้านใหม่  สนใจมาทำงานที่ร้านมั้ย "
"ฮ๊ะ?! ผมเนี่ยนะ"
" แน่นอนสิ แหม..คนที่รู้เรื่องเสื้อผ้าดีไปกว่าเธอ จะมีใครอีกล่ะ"

ด้วยความที่ฮิเดะมักจะเดินเล่นสำรวจเสื้อผ้าและแฟชั่นที่ฮาราจูกุเป็นประจำ  แล้วยังรู้จักร้านเสื้อผ้ามือสองมากมาย เสื้อผ้าเซ็ทไหนที่ฮิเดะบอกว่าขายได้แน่ๆ  ก็มักจะขายดี  เซ็ทไหนที่บอกว่าขายไม่ได้  ก็จะขายไม่ได้จริงๆ นอกจากนี้ ฮิเดะยังเป็นคนเฮฮา เข้ากับคนง่าย ลูกค้าหลายๆคนก็ชอบใจ การตั้งร้านใหม่ ถ้าได้ฮิเดะมาช่วยงาน นับเป็นคนที่เหมาะสมมากที่สุดคนนึ่ง

ส่วนด้านฮิเดะเอะ ภายในใจก็รู้สึกตื่นเต้นมากกับโอกาสที่ได้รับ 
จะได้อยู่กับเรื่องเสื้อผ้า แฟชั่นที่ชอบทั้งวัน  
จะมีงานไหนดีไปกว่านี้อีก

"ผมมั่นใจว่าจะทำให้ร้านพี่ขายดีได้แน่นอน!!  ฝากตัวด้วยครับ"
" ดีมาก!! ฝากด้วยนะ!! "
"ยินดีมากคร๊าบบ  ขอบคุณมากฮะ"

ฮิเดะเริ่มต้นด้วยการเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งร้านร่วมกับคนอื่นๆ ทำงานทุกอย่างตั้งแต่ออกแบบดีไซน์เสื้อผ้าไปจนถึงการจัดวางดิสเพล์ของร้าน  ถึงจะมีแค่เงินเดือนเล็กๆน้อยๆเป็นค่าตอบแทน ฮิเดะก็พอใจกับสิ่งที่ได้รับ เพราะได้ทำงานที่ตัวเองรักทั้งวัน

เจ้าของร้านสาขาใหม่  เป็นหัวหน้าของวงนักเต้นชื่อ  SUNSHINE ดังนั้นชื่อร้านก็เลยเป็น  Dancer x Skater fashion 

ฮิเดะเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้าน และเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าเพียงคนเดียวในร้านที่สามารถพูดสำเนียงได้ทั้งแบบภาษากลาง แบบคันไซ และแบบโทสะ (สำเนียงแบบคนในจังหวัดโคจิ) ทำให้สนิทกับลูกค้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว

พอเปิดร้านได้ไม่เท่าไหร่  เสื้อผ้าลายที่ฮิเดะเป็นคนออกแบบก็ขายดีเป็นอย่างมาก

หวาาาาา  เสื้อที่ชั้นออกแบบ  มีคนใส่จริงๆด้วยแฮะ
เวลาเห็นคนใส่เสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบ ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังไปมองด้วยความภาคภูมิใจอยู่ลึกๆ

ในช่วงที่กำลังสับสนกับทางเลือกของตัวเอง  ไม่มีอารมณ์จะอ่านหนังสือสอบในตอนนั้น
การได้มาทำงานที่ร้าน ก็เหมือนกับมีแสงสว่างจุดขึ้นมาทันที

อืม...บางทีชั้นอาจจะเหมาะกับการเป็นดีไซน์เนอร์ก็ได้นะ
แล้วซักวันนึงอาจจะเปิดร้าน  มีแบรนด์เป็นของตัวเอง...
หืม..แบบนั้นน่าจะดีเหมือนกันนะ
จากการเริ่มต้นทำร้านนี้  ฮิเดะก็ฝันไปไกล 
และยิ่งนานวัน..ความฝันนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น 

ไม่ได้ละ จะปล่อยให้ทุกอย่างครึ่งๆกลางๆแบบนี้ไม่ได้  
ถ้าจะทำงานด้านนี้ ก็ควรจะมุ่งไปเรียนทางด้านนี้ดีกว่า
เอาละ!


ในเดือนพฤศจิกายน ฮิเดะตัดสินใจรวบรวมความกล้าโทรศัพท์กลับบ้านที่เกียวโตเพื่อแจ้งความต้องการนี้ให้ที่บ้านได้รับรู้

"ฮัลโหล  บ้านโกะไดค่ะ" 
"แม่เหรอ  นี่ผมเองนะ  คุณพ่ออยู่ป่าวฮะ ขอคุยกับคุณพ่อหน่อยสิฮะ"
"ฮิเดะจัง!! ได้สิ  รอแป๊บนึงนะ"

เช้าวันอาทิตย์แบบนี้  มีความเป็นไปได้สูงที่คุณพ่อจะอยู่บ้าน  และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

"ฮัลโหล  ว่าไง"
เสียงทุ้มต่ำของคุณพ่อดังผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้ความเครียดเริ่มคืบคลานเข้ามา  ฮิเดะกำมือแน่น กลืนน้ำลายหนึ่งครั้งก่อนจะเริ่มตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่

"พ่อครับ  ผมขอโทษจริงๆที่เอาแต่ตามใจตัวเองไปตั้งสามปี..."
"แต่ผมจะไม่ไปเรียนมหาวิทยาลัยนะฮะ"

คุณพ่อนิ่งเงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ

" ผมขอไปเรียนวิทยาลัยที่เกี่ยวกับด้านแฟชั่นนะครับ"
คุณพ่อยังคงเงียบ ฮิเดะเลยพยายามชี้แจงต่อไป

"คือ..ใกล้ๆอพาตเม้นที่ผมอยู่ตอนนี้ มีวิทยาลัยเกี่ยวกับแฟชั่นอยู่ครับ เดินทางสะดวกมากเลยฮะ..ผมอยากทำงานด้านแฟชั่นมากๆ ดังนั้นขออนุญาติให้ผมไปเรียนด้วยะนะครับ"
"ที่ผ่านมา ผมรู้ว่าต้องเสียเงินไปตั้งมากมายกับการเรียนของผม   ต้องขอโทษจริงๆครับ  แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็อยากเรียนด้านแฟชั่นจริงๆ  ผมจะมีความสุขมากเลย ถ้าได้ทำงานด้านนี้ อนุญาติให้ผมเรียนเถอะนะครับ"

ฮิเดะพยายามอธิบายยาวเหยียด  แต่คำที่พ่อตอบกลับมามีเพียงคำสั้นๆที่ฮิเดะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"เข้าใจแล้ว"
"เอ๋!? ได้เหรอครับ?"
"อยากจะทำอะไรก็ตามใจเถอะ"
"ขอบคุณมากครับ!!  แล้วคือ.. หลังจากเข้าวิทยาลัยแล้ว ต้องเรียนประมาณสองปี .. ค่าใช้จ่ายมันก็จะ..แบบว่า"
"อยากได้เท่าไหร่ก็บอกแม่เค้าละกัน"
"ครับ++ ขอบคุณมากเลยครับพ่อ!!"

ฺฮิเดะวางสายด้วยเหงื่อที่ชุ่มมือ  และหัวใจที่ลิงโลดราวกับโลกทั้งใบเป็นสีชมพูสว่างไสว 
ไชโย!!!
ในที่สุดก็จะได้เรียนด้านแฟชั่นที่ชอบแล้วเว้ยยยย

หลังจากนั้นไม่กี่วัน โอกาสอันยิ่งใหญ่ของฮิเดะก็มาถึงอีกครั้ง เมื่อพี่ผู้จัดการร้านเริ่มเห็นแววการค้าขายในตัวของฮิเดะ

" ฮิเดะ สนใจเป็นผู้จัดการร้านเสื้อ BEAMS T มั้ย"  

BEAMS T  คือแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับผู้ชายวัยรุ่น เน้นขายเสื้อทีเชิ๊ตเป็นหลัก

ฮิเดะตาลุกวาว  เกือบจะตอบตกลงในทันที
แต่ก็ฉุกใจคิดได้ว่า ต่อไปต้องเริ่มเรียนแฟชั่นในวิทยาลัยอย่างจริงจัง อาจจะไม่มีเวลาทำงานเพิ่มก็ได้
เลยตอบไปว่าขอคิดดูก่อน ทั้งที่ในใจอยากทำงานที่ร้านนั้นมากๆ

ใกล้ถึงวันสอบเอนทรานซ์เข้ามาทุกที  แต่ฮิเดะที่ได้ตัดสินใจในอนาคตของตัวเองไปแล้วว่าในฤดูใบไม้ผลิปีหน้าจะเข้าเรียนที่วิทยาลัยแฟชั่น ก็ไม่ได้สนใจกับการสอบเอนท์มากเท่าไหร่  ในใจเขาไม่คิดจะสมัครสอบเลยด้วยซ้ำ

แต่แล้วในเช้าวันหนึ่ง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
หน้าจอโชว์ว่า เป็นเบอร์ของคุณแม่ที่โทรมา

ฮิเดะคิดไปว่า แม่คงจะโทรมาถามเรื่องทั่วๆไป อย่างเช่น วันนี้กินข้าวรึยัง หรือเงินพอใช้มั้ย อะไรประมาณนี้ละมั้ง
แต่ไม่ใช่เลย
..
.
"ฮิเดะ แม่คุยกับพ่อมา...เห็นว่าลูกจะไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเหรอจ๊ะ"
"..อ๊ะ.. อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเอง"
" ใช่ครับ ผมอยากเรียนด้านแฟชั่น แล้วซักวันก็จะ เปิดร้านเสื้อผ้าของตัวเองน่ะแม่ เลยว่าจะไม่สอบเข้ามหาลัย"
" ที่ผ่านมาขอโทษจริงๆครับ"

คุณแม่เป็นคนที่มักจะพูดว่า "ถ้าเป็นฮิเดะละก็ต้องทำได้แน่นอน" ไม่เคยค้านความต้องการของลูกๆเลยซักครั้ง
แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าจะต่างออกไปนิดหน่อย

"ตั้งแต่คุยโทรศัพท์กับลูกวันนั้น  คุณพ่อเค้าก็ซึมไปเลย"
"เอ๋?"
"คือว่านะ.. แม่มาพูดเอาป่านนี้อาจจะสายไปหน่อย แต่มีเรื่องอยากให้ฮิเดะได้รู้ไว้นะ"
" ครับ.."
ฮิเดะฟังเสียงของคุณแม่ที่ดังลอดผ่านโทรศัพท์อย่างตั้งใจ

"แม่น่ะ เป็นคนสุขภาพไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็กๆแล้วหล่ะ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น คุณยายของลูกเองก็พูดตลอดเลยว่า 
ลูกสาวชั้นเนี่ย คงมีโอกาสได้แต่งงานซะแล้วละมั้ง  ใครๆก็เป็นห่วงแม่กันทั้งนั้น" 

"เอ๋.. นี่แม่จะเล่าเรื่องอดีตขนาดนั้นเลยเหรอ!? "

คุณแม่หัวเราะอย่างใจดี

"แต่ว่านะ หลังจากที่ได้เจอกับคุณพ่อสมัยที่เค้ายังเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่  ชีวิตแม่ก็เปลี่ยนไปมาก  คุณพ่อน่ะ ถึงแม้จะเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่  แต่คุณพ่อดูแลแม่ดีมากๆนะ  แม่ดีใจจริงๆที่ได้แต่งงานกับคุณพ่อ"

ตอนนั้น...เป็นครั้งแรกที่ฮิเดะได้ยินเรื่องราวก่อนแต่งงานระหว่างคุณแม่และคุณพ่อ

"หลังจากแต่งงาน ด้วยความที่สุขภาพแม่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณหมอบอกว่า มันอันตรายมาก ถ้าจะมีลูก..แต่ไม่ว่ายังไงแม่ก็อยากเป็นแม่คนมากๆเลยหล่ะ ตอนนั้นก็เลยดื้อมากๆ จนสุดท้ายก็ได้ตั้งท้อง  มีพี่สาวของลูกเป็นลูกคนแรก โดยที่ทำให้คนรอบข้าง โดยเฉพาะคุณพ่อ เป็นห่วงมากๆเลย" 

" หลังจากคลอดลูกแล้ว ฟันของแม่ก็เริ่มหลุดไปทีละซี่ๆ"
"เอ๋!?"

"อืม .. เพราะสุขภาพไม่ค่อยดีด้วยละมั้งนะ หลังจากนั้น แม่ก็ยังอยากมีลูกอีก ก็เลยดื้อดึงต่อ จนได้มี จินและฮิเดะนี่แหละ"
"ถึงต้องใส่ฟันปลอมไปตลอดชีวิต แม่ก็ดีใจที่ได้คลอดและเลี้ยงดูลูกๆมานะ"

" เอ๋!? ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย นี่แม่ใส่ฟันปลอมมาตลอดเลยเหรอ"

" ใช่จ้ะ พอดีเพื่อนของคุณพ่อเป็นหมอฟันที่เก่งมากมาช่วยดูแลให้ ดูเหมือนฟันแท้มากๆเลยใช่มั้ยล่ะ" 

คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงที่สดใส ไม่ได้มีความโกรธหรือเสียใจแต่อย่างใด

"ระหว่างที่พักฟื้นตอนคลอดลูกน่ะ  คุณพ่อก็คอยดูแลแม่มาตลอด ...ถึงเค้าจะไม่ค่อยพูดจาดีๆเท่าไหร่ แต่เค้าก็รักและเป็นห่วงทุกคนมากๆนะ..ความฝันของคุณพ่อ ที่อยากเห็นลูกๆเป็นหมอที่น่าภาคภูมิใจ  แม่รู้ว่ามันอาจจะทำใหู้ลูกๆถูกกดดันไปบ้าง"

"แต่ว่านะ ฮิเดะ  ความฝันของพ่อแม่ก็อยากช่วยให้เป็นจริงเหมือนกัน...ดังนั้นช่วยฟังคำขอร้องของแม่ซักครั้งนึงในชีวิตได้มั้ย"

"ช่วยพยายามอีกซักครั้งเถอะ  ถ้าไม่ได้จริงๆ แม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะที่อยากจะเดินตามทางที่ตัวเองต้องการ"

เรื่องราวที่คุณแม่พูดมา ราวกับเข็มที่ทิ่มไปในหัวใจของฮิเดะ  
ที่ผ่านมา ตัวเองได้รับความรับมากมายแค่ไหน ไม่เคยสนใจเลย  เอาแต่ทำตามใจตัวเองมาตลอด 
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ผ่านมาทั้งสามปี ก็ทำไปแบบครึ่งๆกลางๆ  จะสอบตกซักกี่ครั้ง คุณแม่ก็ไม่เคยบ่น ไม่เคยว่า
ทั้งที่ได้รับความเชื่อใจมาขนาดนี้ แต่สุดท้ายตัวเองก็ไม่ได้ตอบแทนอะไรเลย.. และยังจะทำตามใจตัวเองต่อไปอีก

"อื้ม  เข้าใจแล้วครับ .. ผมจะลองพยายามเต็มที่ซักครั้ง . แต่...ถ้าครั้งนี้ยังไม่ได้ ผมจะขอไปเรียนแฟชั่นนะครับ  ถึงตอนนั้นช่วยอนุญาติให้ผมทำตามใจตัวเองด้วยนะครับ"
" อื้ม! จ้ะ! แม่เข้าใจ  แค่ครั้งเดียวก็ได้จ้ะ   ขอบใจมากเลยฮิเดะจัง "

หลังจากวางสายไป ฮิเดะก็รู้สึกฮึดที่จะอ่านหนังสืออย่างจริงจังขึ้่นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้จะเป็นการทำเพื่อคุณพ่อ และคุณแม่
ครั้งเดียวเท่านั้น
ถ้าพยายามเต็มที่แล้วยังทำไม่ได้  ชั้นจะไปเรียนด้านแฟชั่นได้อย่างไม่ลังเลอะไรอีก  จะทำงานเป็นดีไซน์เนอร์และสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาให้ได้

เส้นทางที่ตัวเองจะเดินไปโดยไม่เสียใจภายหลัง เริ่มชัดเจนขึ้นมามากกว่าเมื่อก่อน

เมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้ว ..ความเอาจริงเอาจังของฮิเดะไม่เคยแพ้ใครๆ
อีกสองเดือนจะถึงวันสอบเอนทรานซ์  เวลาที่มีให้เตรียมตัวนั้นนับว่าน้อยมากจริงๆ

เอาวะ!! ลองดูกันซักตั้ง!! 

ฮิเดะขอยกเลิกการทำงานพิเศษทั้งหมด รวมไปถึงเรื่องที่จะทำงานพิเศษร้าน BEAMS T ด้วย  
แม้จะเป็นเหมือนการทิ้งโอกาสที่ยิ่งใหญ่ตรงหน้าในถนนแห่งแฟชั่น  
ไม่เป็นไรๆ 
เพื่อที่จะได้ไม่ลังเลพะวักพะวนในภายหลัง  ตอนนี้ต้องเต็มที่กับการสอบครั้งนี้ก่อน
นั่นคือสิ่งที่เขาคิดในตอนนั้น

ฮิเดะเลิกไปร้าน CD เลิกไปเดินร่อนแถวร้านขายเสื้อผ้า เลิกไปดูไลฟ์ เลิกยุ่งเกี่ยวกับเพลงและแฟชั่นเสื้อผ้าทุกอย่างที่ตัวเองชื่นชอบ  ใน 2 เดือนที่เหลืออยู่ก่อนวันสอบ เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องเพื่ออ่านหนังสืออย่างเดียวเท่านั้นเลยจริงๆ  
การออกไปข้างนอก ก็มีแค่การเดินไปซื้ออาหารกล่องกลับน้ำกลับมากินเท่านั้น

ระหว่างที่อ่านหนังสือ ..ฮิเดะก็คิดถึงสิ่งที่ได้คุยกับแม่ในวันนั้น

"หลังจากมีลูกทั้งสามคน .. คุณแม่ก็ต้องใส่ฟันปลอมไปชั่วชีวิต"

จากคำนี้  ฮิเดะก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าจะไปเรียนหมอทางด้านไหน

ทันตแพทย์นี่แหละ!!
ถ้าเรียนจบมาได้ ก็จะได้คอยดูแลฟันให้คุณแม่ด้วย

เป้าหมายในการเรียนเริ่มกลับมาเด่นชัดอีกครั้งหนึ่ง

ในหนึ่งวันเฉลี่ยแล้วฮิเดะอ่านหนังสือ 20 ชั่วโมง เรียกได้ว่าแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนจนตาแดงก่ำ ทุกครั้งที่รู้สึกง่วง ก็จะหาสารพัดวิธีมาคลายง่วง แล้วก็อ่านหนังสือต่อ

 โกะได ฮิเดอัตสึ!! สู้ๆเว้ย 

เป็นเสียงที่ฮิเดะบอกกับตัวเองตลอดเวลา






Sorette kiseki -บทที่ 3.4 จะเลือกเรียนแพทย์หรือแฟชั่น Sorette kiseki -บทที่ 3.4 จะเลือกเรียนแพทย์หรือแฟชั่น Reviewed by ITadmin on 04:36:00 Rating: 5

1 comment: