GReeeeN คือ??

บทเพลงของหมอพันอารมณ์ดี ดนตรี Feel Good!

Sorette kiseki - บทที่ 1.1 ณ บ้านเกิดของซากาโมโตะ เรียวมะ

admin comment# เป็นการแปลหนังสือครั้งแรกในชีวิต ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยนะคะ ถ้าใครอ่านแล้วมีตรงไหนที่ความหมายผิดเพีี้ยนไป ช่วยให้คำแนะนำด้วยก็จะดีใจมากค่ะ แกรมม่าญี่ปุ่นเราไม่ค่อยแข็งแรง คิดว่าอาจจะมีผิดเพี้ยนไปบ้างค่ะ  ขออภัยล่วงหน้า

  งานนี้เราอ่านหนึ่งรอบแล้วสรุปด้วยภาษาตัวเอง ดังนั้นถ้าใครไปอ่านหนังสือมาอาจจะงงว่าทำไมเรียงเหตุการณ์ไม่ตรงตามในหนังสือ  เรื่องนี้พูดถึงทีหลัง ทำไมเอามาเขียนอธิบายซะก่อน  ทั้งหมดนี้เราเขียนโดยใช้การเรียบเรียงในแบบของเราเองค่ะ  บางครั้งเราคิดว่าเอาเรื่องนี้มาไว้ก่อน น่าจะเข้าใจได้ดีกว่า เราก็จะเขียนตามนั้น บางช่วงที่มันบรรยายเยอะมากแต่ไม่มีสาระอะไรเราก็จะตัดทิ้งไป (ส่วนนึงเพราะขี้เกียจแปลแหละ ฮ่าๆๆ...นี่ขนาดตัดไปแล้ว ยังรู้สึกว่ามีน้ำเยอะมาก)   เอาเป็นว่า ..อย่าคิดว่านี่เป็นงานแปลหนังสือเลยนะ  คิดซะว่าแอดมินเขียนขึ้นใหม่โดยอาศัยความรู้จากในหนังสือละกันค่ะ  ( ถ้าคนเขียนหนังสือมาอ่านคงปวดใจละนะ ฮะๆ..)

ถ้าใครอยากอ่านเนื้อเรื่องแบบภาษาต้นฉบับจริงๆ ซื้อหนังสือมาอ่านเอาเถอะนะ มาช่วยกันเพิ่มยอดขายหน่อยเร้วว (โฆษณาซะ)

บทที่ 1.1 

ณ บ้านเกิดของซากาโมโตะ เรียวมะ




ณ ชายหาดคัตสึระ   เมืองโทสะ จ.โคจิ
เด็กผู้ชายวัย 12 ปีปลายๆ กำลังยืนเผชิญหน้ากับท้องทะเลอันกว้างใหญ่
ชื่อของเขาคือ  โกะได ฮิเดอัตสี**
** comment# ชื่อของฮิเดะอันนี้เราคิดว่าเป็นชื่อที่แต่งขึ้นมาในหนังสือเท่านั้น  ไม่ใช่ชื่อจริงนะคะ ชื่อนี้จะพ้องกับ Godai Tomoatsu นักลงทุนชื่อดังชาวญี่ปุ่นในสมัยต้นรัฐบาลเมจิ หลังจากเรียวมะเสียชีวิตลงค่ะ

แสงแดดอันอบอุ่นตอนเช้า และสายลมแรงจากท้องทะเลปะทะมาโดนใบหน้าทำให้เขาต้องหรี่ตาลง

บนชายหาดที่โค้งเว้าดังเสี้ยวพระจันทร์
ฮิเดะค่อยๆแนบมือข้างขวาลงบนหน้าอกซ้าย
ตุบ  ตุบ  ตุบ
เสียงเต้นของหัวใจที่สามารถรับรู้ได้จากฝ่ามือของตัวเอง
เป็นสัญญาณว่าเขายังมีชีวิตอยู่....มันไม่ใช่ความฝัน

ฮิเดะเงยหน้ามองท้องฟ้า ...มองทะเล และบ่นพึมพำกับตัวเอง

ทำไมท้องฟ้าถึงได้เป็นสีฟ้านะ?
เส้นขอบฟ้าที่แบ่งทะเลและท้องฟ้าออกจากกัน
ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือขวา มันก็ไม่มีจุดสิ้นสุดซะเลย..
ก็เพราะว่าโลกเรามันกลมน่ะสินะ
....

ตอนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ทันใดนั้น...
คลื่นลูกหนึ่งซัดสาดมา  น้ำทะเลท่วมรองเท้าผ้าใบที่ใส่อยู่จนมิดข้อเท้า

"อ๊า..แย่จริง~~~"

ฮิเดะทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนที่จะถอดรองเท้าและถุงเท้าออก  แล้วโยนมันทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

ฝ่าเท้าที่เปลือยเปล่าสัมผัสกับพื้นทรายทำให้รู้สึกสบายใจ
ทันใดนั้น..

"ว๊ากกกกกก"
" วันนี้แหละเว้ยยยย"

ฮิเดะตะโกนลั่นด้วยสำเนียงคันไซจากบ้านเกิด  พร้อมกับวิ่งไล่เตะทรายใต้น้ำทะเลจนขอบชายเสื้อเปียกน้ำที่กระเด็นขึ้นมา

เขาวิ่งลุยน้ำไปตามชายหาดที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุดจนเหนื่อยหอบ
คลื่นลูกใหญ่ซัดสาดมา  คราวนี้มันทำให้แขนเสื้อเขาเปียกโชก  น้ำทะเลกระเซ็นขึ้นมาโดนปลายจมูก
....
..
"เรียวมะเอง..คงจะมองเห็นวิวทะเลแบบนี้สินะ... "
"แล้วเค้าก็คงจะเดินไปบนชายหาดแบบนี้..."   **comment# เรียวมะเค้าไม่เกรียนวิ่งเตะน้ำเหมือนเอ็งหรอก ทำไปเพื่ออ??
"แล้วจากนั้นก็ได้ทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น.."
..
รูปปั้นของซากาโมโตะ เรียวมะ ที่ริมชายหาดคัตสึระ(ภาพจาก google map ค่า)

.
ริมอ่าวโทสะที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ตั้งแต่ที่ซากาโมโตะ เรียวมะได้เกิดและอาศัยอยู่ที่นี่ จนมาถึงวันนี้
ท้องฟ้าและท้องทะเลยังคงเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม

เส้นทางจากปราสาทโคจิมาจนถึงชายหาดคัตสีระ

ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนในเมืองนี้ เรื่องราวมากมายของซากาโมโตะ เรียวมะ  วีรบุรุษคนสำคัญของญี่ปุ่นก็ลอยขึ้นมาในความคิดของเขาตลอดเวลา

ชายหนุ่มในชุดฮากามะผู้ที่รวมญี่ปุ่นเป็นหนึ่งเดียว
เสียงที่เรียวมะเคยได้ยิน
อาหารที่เรียวมะเคยกิน
ทิวทัศน์ที่เรียวมะเคยเห็น

สิ่งที่เรียวมะเคยสัมผัส ณ ที่ตรงนี้ .. ชั้นเองก็จะได้รับรู้ถึงมันเหมือนกัน.
...ซักวันนึง.....อยากเป็นคนที่มีพลังที่จะฉุดนำผู้คนแบบนั้นบ้างจัง..

ฮิเดะคิด..แล้วยืนมองท้องทะเลเบื้องหน้าอย่างภาคภูมิใจ

"นี่~~ ท่านเรียวม๊าาาาา"

เขาตะโกนดังลั่นจนคู่รักที่เดินผ่านไปหันมาหัวเราะ (** คงคิดว่าอีกเด็กนี่เป็นบ้าอะไรของมันวะ)
แต่ใช่ว่าเขาจะแคร์

สำหรับเด็กชายที่อายุจะครบ 13 ปีในเดือนเมษายนปีนี้
การได้มายืนในที่ที่เดียวกับชายผู้ยิ่งใหญ่อย่างซากาโมโตะ เรียวมะ เคยยืนอยู่
มันช่างเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันซะจนน้ำตาจะไหลออกมา

"พ่อคร๊าบบบบ  แม่คร๊าบบบบบ"
"ผมสบายดีน๊าาาาาา"
"ตั้งแต่นี้ไป...ผมจะหาเพื่อนที่นี่ให้เยอะๆเลยยยย"
"และผมจะตั้งใจเรียนหนังสือนะคร๊าบบบบบบ !!"

เสียงตะโกนก้องท้องทะเลอันกว้างใหญ่
แสงแดดยามเช้าที่ส่องลงมากระทบผิวน้ำเป็นประกาย
ราวกับฉากหนึ่งในบทละครของชีวิตวัยรุ่นที่กำลังจะเริ่มขึ้น


"เป็นอิสระแล้วเว้ยยยยยยย"
ฮิเดะตะโกนลั่นเป็นคำสุดท้ายก่อนจะทิ้งตัวนอนบนหาดทราย

จากนี้ไปอีกหกปีจะต้องจากพ่อแม่มาอยู่ตามลำพังที่นี่
แทนที่จะรู้สึกเป็นกังวลกับการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย
ฮิเดะกลับรู้สึกดีใจจนไม่สามารถจะสะกดกลั้นมันไว้ได้เลย

เสียงของคลื่นและลมจากทะเลทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
พอหลับตาลง ก็เห็นภาพของตัวเองเป็นเหมือนนกที่กำลังโบยบินอย่างอิสระอยู่บนท้องฟ้า
สีฟ้าของน้ำทะเล ..สีเขียวอ่อนของต้นไม้ที่กำลังผลิใบบนภูเขา
นั่นคือโลกอันสวยงามที่เขามองเห็นจากบนนั้น
...
..
.
หลังจากที่ได้ผ่อนคลายอย่างสบายใจ ฮิเดะลุกขึ้นไปกดน้ำส้มที่ตู้กดน้ำอัตโนมัติ
เขาเดินผ่านเรียวกังและร้านขายของที่ระลึกที่ตั้งอยู่เรียงราย  เพื่อไปเอาจักรยานที่ จอดเอาไว้หน้าศูนย์ฝึกสุนัขโทสะ

ศูนย์ฝึกสุนัขเพื่อการต่อสู้โทสะ ภาพถ่ายสถานที่จริงจาก google map ค่ะ
หลังจากที่ฮิเดะย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้ได้หนึ่งสัปดาห์ วันนี้คือเช้าวันแรกของการเริ่มต้นเทอมใหม่ เขาใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่งในการปั่นจักรยานจากหอพักที่อยู่แถวๆภูเขาวาชิยาม่ามายังที่นี่  สำหรับเด็กอายุเท่านี้  การปั่นจักรยานมาไกลถึงขนาดนี้นับเป็นการผจญภัยครั้งใหญ่เลยทีเดียว

ฮิเดะผิวปากไปปั่นจักรยานไปอย่างรวดเร็วขึ้นลงไปบนเนินที่มีอยู่มากมาย  ผ่านจากหอพักของเขาไปไม่ไกล ก็ถึงประตูโรงเรียน   เขาได้จอดรถตรงที่จอดรถจักรยานใกล้ๆประตูโรงเรียน   และจากตรงนี้..ฮิเดะต้องเดินขึ้นไปบนเนินสูงกว่า 2 กิโลเมตรเพื่อไปถึงตัวโรงเรียน  ในวันจันทร์-ศุกร์ จะมีรถบัสบริการรับส่งนักเรียนและคุณครูวันละ 5 รอบในช่วงครึ่งเช้า  ส่วนตอนเย็นหลังเลิกเรียน ก็ต้องเดินลงมาเอง

คุณครูที่ปรึกษาเคยบอกเอาไว้ตอนปฐมนิเทศว่า
เนินยาว 2km ตรงนี้ถูกเรียกว่า "ที่ผลิตหัวไชเท้า" นะรู้มั้ย "
ถ้าพวกเธอเดินไปๆกลับๆเนินนี้ได้ครบหกปีที่เรียนนี่นะ...
แน่นอนเลยว่าเธอจะมีน่องขาที่แข็งแรงแบบหัวไชเท้าไง  ไม่เฉพาะกับผู้หญิงหรอกนะ  ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันด้วยละ ฮ่าๆ"
**comment# ที่ญี่ปุ่น ผู้หญิงที่ขาใหญ่จะถูกเปรียบว่าขาตันๆใหญ่ๆเหมือนหัวไชเท้าค่ะ ... สรุปแล้วคือ เดินขึ้นลงเนินแม่งทุกวันตั้งหกปี ขาใหญ่เป็นหัวไชเท้าแน่ๆ  มันเลยถูกเรียกว่าเนินผลิตหัวไชเท้านั่นเอง....อา...น่ากลัวมาก

 ฮิเดะไม่ได้ถอนหายใจหรือทำหน้าเหนื่อยหน่ายเหมือนคนอื่นๆแต่อย่างใด  เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่า การได้มาอยู่ที่นี่..ไม่ว่าจะเจอเรื่องแย่ๆแค่ไหน ก็จะยิ้มแล้วผ่านมันไปให้ได้

ถึงจะต้องเดินขึ้นเนินนี้ทุกๆวันจากนี้ไปอีกตั้ง 6 ปีก็เถอะ
ในวันเปิดเรียนวันแรกนี้อยากจะสร้างอะไรพิเศษเป็นแรงบันดาลใจซะหน่อยละนะ
"บินไปเล้ยยยย"
ฮิเดะพูด พร้อมกับวิ่งขึ้นไปบนเนินอย่างรวดเร็ว

ที่นี่คือโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งในจังหวัดโคจิ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีเป้าหมายเน้นสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เนื่องจากว่าโรงเรียนนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาจึงทำให้สามารถมองเห็นแม่น้ำอันสวยงามในเมืองทาเนซากิที่เรียวมะไปฝึกว่ายน้ำได้อย่างชัดเจน และนอกจากนี้..จากทั่วทุกมุมเมือง ยังสามารถมองเห็นโรงเรียนนี้ได้อีกด้วย


อาจารย์ที่ปรึกษาพูดถึงเหตุผลที่โรงเรียนนี้ต้องมาตั้งอยู่บนยอดเขาว่า
"ก็ที่โคจิเนี่ย พื้นที่ว่างๆน้อยมากจนไม่พอจะสร้างโรงเรียน"
" เค้าก็เลยต้องระเบิดตรงยอดเขาตรงนี้ด้วยไดนาไมท์ แล้วเอามาสร้างเป็นโรงเรียนนี้แหละ"

"สุดยอดดดอะ"

ฮิเดะจินตนาการไปถึงเศษฝุ่นที่ปลิวลอยจากระเบิดไดนาไมท์ แล้วโบยบินไปทั่วทุกที..

"เป็นโรงเรียนที่สุดยอดมาก...ดีจริงๆที่ได้เลือกมาเรียนที่นี่!"
ฮิเดะคิดพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

**comment#  จากการดูแผนที่สถานที่ต่างๆที่บอกมา .. เชื่อได้ว่า โรงเรียนที่ฮิเดะเคยเรียนก็คือที่นี่ค่ะ
Tosajuku Junior High school

โรงเรียนตั้งอยู่บนยอดเขา ที่มองเห็นได้จากทั่วทุกมุมในเมืองโคจิ

ทางโค้งๆนั้นคือระยะทางขึ้นเนิน 2 km ที่นักเรียนทุกคนต้องเดินทุกๆวัน
เครื่องแบบนักเรียนค่ะ


admin comment# อยากบอกฮิเดะว่า.. ถ้าเป็นสมัยนี้ ..ใช้ Google map ก็ไปเที่ยวบ้านเกิดเรียวมะได้แล้วนะจ๊ะ อิอิ  ภาพด้านล่างเป็นชายหาดคัตสึระจาก Google map ค่ะ

สำหรับตอนแรกนี้ จริงๆมีบทบรรยายเยอะมาก  จะทะเล ภูเขา แม่น้ำ ลำธาร สายลม อะไรก็ไม่รู้ เนื้อหาจริงๆมีติ๊ดเดียว .. แล้วชื่อสถานที่ที่เป็นคันจิก็เยอะมากๆ แถมไม่มีเสียงเขียนกำกับในหนังสืออีก  เลยต้องอาศัยแผนที่กูเกิ้ลหาชื่อสถานที่ของจริงไปด้วยว่าจริงๆมันเรียกว่าอะไรแน่   ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสตอร์กเกอร์เลยค่ะ  ยิ่งค้นยิ่งอิน เลยไปหาดูโรงเรียนที่ฮิดะเคยเรียนด้วย .. นี่ถ้ามีหนังสือรุ่นให้โหลดในเว็บนะ.. กะว่าจะเอามาเทียบดูหน้าคุณหมอวัยเด็กเลยแหละ 555  บทที่ 1.2 จะมาเร็วๆนี้ค่ะ แปลไว้ได้ครึ่งนึงละ ติดตามกันต่อไป  อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง comment ไว้ได้นะคะ :) 
Sorette kiseki - บทที่ 1.1 ณ บ้านเกิดของซากาโมโตะ เรียวมะ Sorette kiseki - บทที่ 1.1 ณ บ้านเกิดของซากาโมโตะ เรียวมะ Reviewed by ITadmin on 02:13:00 Rating: 5

1 comment:

  1. I obtained new information from well written content fabric of this blog. it's miles showing a few one among a type shape of strategy to keep artwork better and improve with every new undertaking. Gracefully written weblog. หน้าบวม

    ReplyDelete