GReeeeN คือ??

บทเพลงของหมอพันอารมณ์ดี ดนตรี Feel Good!

Sorette kiseki -บทที่ 2.7 ชีวิตใหม่

บทที่ 2.7

ชีวิตใหม่




จินสอบเข้าโรงเรียนม.ปลาย A ที่อยู่ใกล้บ้านได้อย่างไม่ยากเย็น 
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น น้องชายที่อายุห่างกัน 3 ปี ก็สอบผ่านเข้าโรงเรียน ม.ต้นที่จังหวัดโคจิได้ และเริ่มออกเดินทางออกจากบ้านไปใช้ชีวิตตัวคนเดียว

"พี่จีนนน  ไปก่อนน๊าาา"  
ฮิเดะ  น้องชายคนเล็กของบ้านโกะไดโบกมือบ๊ายบายพี่ชายและพี่สาวที่มายืนส่งหน้าประตูบ้านด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใสไร้เดียงสาและท่าทางคึกคัก เหมือนลูกหมาที่กำลังดีใจเพราะจะได้ออกไปเดินเล่นข้างนอก

จินโบกมือตอบ พร้อมทั้งคิดสงสัยในใจ ..
ทำไมเจ้าหมอนั่นถึงได้ดูสดใสขนาดนั้นนะ ...
ทั้งที่ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวเดียวกัน  โดนดุโดนด่ามาด้วยกันแท้ๆ แต่เขาก็ไม่สามารถทำตัวร่าเริง และมีรอยยิ้มที่ใสซื่้อเหมือนอย่างฮิเดะได้เลย
..
.
พอเข้าเดือนเมษายน  เทอมใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น
จินที่สอบเข้ามาได้เป็นลำดับต้นๆ ได้เข้าเรียนในชั้นเรียนพิเศษที่รวมแต่เด็กเก่งๆไว้ด้วยกัน 
แต่ถึงแบบนั้น เขาก็ไม่ได้สนใจเรียนซักนิดเดียว  ไม่ได้ไปเรียนพิเศษ ไม่ได้อ่านหนังสือเรียนเองที่บ้านอย่างที่เคยบอกไว้กับคุณพ่อเลยซักครั้ง

มีเพียงอย่างเดียวที่ตั้งใจไว้เมื่อขึ้นม.ปลายก็คือ  จะทำงานพิเศษหาเงินซื้อเครื่องดนตรี ก็เท่านั้น

หลังเลิกเรียน เวลา 5โมงครึ่ง - 2ทุ่ม เป็นเวลาทำงานพิเศษที่ร้านขายอาหารกล่อง
จากนั้นพักชั่วโมงนึง และเริ่มทำงานพิเศษที่ปั๊มน้ำมันตอน 3 ทุ่มถึงเที่ยงคืน  
และตั้งแต่เที่ยงคืนไปจนถึงตี 4 ก็ทำงานพิเศษเป็นกรรมกรก่อสร้างถนน  
พอจบแล้วในช่วงเช้ามืดก็ไปส่งหนังสือพิมพ์ต่อโดยไม่ได้มีเวลานอนเลย

จินจะกลับถึงบ้านประมาณ 6-7 โมงเช้า มีเวลานอนแค่ชั่วโมงเดียว จากนั้นก็ปั่นจักรยานไปโรงเรียนประมาณ 20 นาที แล้วไปนอนหลับเป็นตายที่โรงเรียน พอตื่นขึ้นมาอีกที บ่อยครั้งที่คาบเรียนจบลงหมดแล้ว  ได้เวลาเริ่มไปทำงานพิเศษอีกครั้ง วนเวียนอยุ่แบบนี้ทุกวันโดยโกหกที่บ้าน ว่าต้องไปเรียนพิเศษและติวหนังสือต่อที่บ้านเพื่อน

ห้องเรียนพิเศษที่จินเข้าไปเรียนนั้น จะเรียนวันละ 8 ชั่วโมงทุกวัน ในขณะที่ห้องเรียนปกติจะเรียนแค่ 5 ชั่วโมง หรือบางวันมากสุดก็แค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น  สำหรับจินที่ในหัวตอนนี้มีแต่เรื่องดนตรีแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาเสียเวลาเรียนเยอะขนาดนี้เลยซักนิดเดียว  

เสียดายเวลา...เอาไปทำงานพิเศษซะยังจะดีกว่า

"อาจารย์ฮะ ชั่วโมงเรียนต่อวันมันเยอะเกินไป  ผมอยากจะขอย้ายไปเรียนห้องเรียนปกติได้มั้ยครับ"
จินถามอาจารย์ที่ปรึกษาในเช้าวันหนึ่ง

"เอ๋.. อะไรของเธอเนี่ย เคยแต่ได้ยินนักเรียนห้องต่ำๆอยากจะย้ายมาห้องนี้  ไม่เคยได้ยินว่าจะมีนักเรียนที่อยากย้ายไปอยู่ห้องต่ำกว่าเลยนะ นี่เธอเข้าเรียนมาเพื่ออะไรกันเนี่ย"

"ผมอยากเอาเวลาไปทำงานมากกว่าฮะ  แล้วทำยังไงผมถึงจะย้ายไปได้ล่ะครับ"

"อืม ก็..ถ้าคะแนนสอบแย่ลงมากๆก็น่าจะโดนย้ายลงไปละมั้งนะ"

"อ่อ..เข้าใจละ!..ขอบคุณมากครับ!!"

จากวันนั้นมา ในการสอบปลายภาคทั้งเทอม 1 และเทอม 2 จินก็เลยลองทำข้อสอบแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งนึงไม่ได้เขียนอะไรลงไปเลย และผลคะแนนที่ออกมาก็คือ 50 คะแนนพอดี  
แต่ถึงจะได้คะแนนขนาดนั้น เขาก็ยังไม่ได้เลื่อนลงไปที่ชั้นเรียนปกติอยู่ดี

ในตอนม. 4 เทอม 3 จินก็เลยประท้วงโดยการส่งกระดาษเปล่า ไม่เขียนอะไรลงไปเลยซักนิดเดียว  .. แน่นอน เขาได้ 0 คะแนนในการสอบเป็นครั้งแรก เป็นคะแนนที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติการเรียนของเขาเลยทีเดียว

ม. 5 เทอม 1 ก็ยังได้อยู่ห้องพิเศษ  จินเลยโดดเรียน แล้วส่งกระดาษเปล่าในห้องสอบอีกครั้ง  จากนั้นพอเข้า ม. 5 เทอมสอง เขาก็ได้ตกไปอยู่ห้องเรียนปกติสมใจ

ด้วยผลการเรียนที่ตกต่ำลงอย่างมาก ทั้งการโดนลดชั้น และการมีปัญหาทะเลาะกับคนนั้นคนนี้  ทำให้ทางโรงเรียนจำเป็นต้องเรียกคุณพ่อไปเพื่อตักเตือนเรื่องพฤติกรรมของลูกชาย

แน่นอนว่าคุณพ่อโมโหมากกับเรื่องนี้

"นี่แกทำอะไรของแกอยู่ห๊ะ!!!"
พลั่ก!
กำปั้นที่หนักหน่วงชกลงไปบนหน้าของจินเต็มๆพร้อมด้วยเสียงตะโกนของคนเป็นพ่อดังลั่นบ้าน เมื่อจิน
กลับมาถึงบ้านหลังเลิกเรียน

"แกเป็นคนเลือกเรียนที่นี่เองนะ แล้วทำไมไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง! " 
"ไหนบอกว่าจะเรียนเองก็ได้ไง แล้วบอกว่าจะไปเรียนพิเศษไม่ใช่เหรอ แล้วเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ห๊ะ"

จินค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา แววตาเป็นสีแดงก่ำด้วยความอดนอน  รอยช้ำจากการโดนต่อยเริ่มปรากฎขึ้นมาให้เห็นข้างดวงตา เลือดที่ปากเริ่มซึมออกมาช้าๆ

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงนิ่งเงียบ  ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไปซักคำ 

"ทำตัวแบบนี้แล้วจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ไหนได้!" 
"ผมจะไม่เรียนมหาวิทยาลัย"  
จินตอบสั้นๆ แต่นั่นยิ่งทำให้ความโกรธของคุณพ่อเพิ่มมากขึ้น

"ถ้าไม่คิดจะเรียนมหาลัยละก็ ออกจากบ้านนี้ไปซะ!"


สายตาที่แน่วแน่ของจินยังคงนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ความเจ็บปวดบนใบหน้านั้นไม่เท่ากับความเจ็บที่อยู่ในใจเลยซักนิดเดียว  จินกำมือแน่นแล้วก็เดินออกจากบ้านไปทำงานพิเศษต่อด้วยสภาพแบบนั้นเอง

จากนั้นมาจินก็ยังคงทำเหมือนๆเดิม ด้วยความฝันอันหนักแน่นที่จะเป็นนักดนตรีให้ได้ 
ทำงานพิเศษทั้งคืน กลับมาถึงบ้านตอนเช้า แต่งตัวไปเรียน นอนที่โรงเรียน แล้วก็ทำงานพิเศษต่อ ชีวิตก็วนเวียนอยู่แบบนั้น ถึงแม้ใครๆจะบอกว่าทั้งท่าทางและพฤติกรรมแบบนั้นมันพวกแยงกี้ชัดๆ แต่ที่จริงแล้วเขาก็ไม่เคยกินเหล้า หรือไปขับรถซิ่งแบบพวกแยงกี้จริงๆเลยซักครั้ง

พอเห็นคุณแม่ที่มีท่าทีกังวลใจมากขึ้นกับการที่ตัวเองกลับบ้านตอนเช้าแทบจะทุกวัน   จินก็เลยบอกความจริงไปตรงๆเรื่องที่ตัวเองทำงานพิเศษอยู่ในตอนกลางคืน

" อา.. เหรอจ๊ะ .. จินจังทำงานพิเศษอยู่นี่เอง ดีจัง ค่อยยังชั่วหน่อย"
คุณแม่พูดอย่างโล่งอกพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา 

"แม่เป็นห่วงมาก  ทุกคืนๆ ถ้าไปทำอะไรไม่ดีกับพวกเพื่อนๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วจะทำยังไงดี  เอาแต่คิดในแง่ร้ายไปตลอดเลย ถ้าลูกเป็นอะไรไปละก็ แม่คงตายตามไปด้วยแน่ๆ "
"จริงๆแล้วก็แค่ทำงานพิเศษเท่านั้นเองสินะ  อา..ดีจังเลย"

"ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะฮะ"  จินรู้สึกผิดเมื่อเห็นคุณแม่ร้องไห้เพราะตัวเองขนาดนั้น

"จากนี้ไปมีอะไรก็บอกกันได้นะ  เรื่องนี้แม่จะช่วยปิดพ่อเค้าให้เอง"
"อ่า..ครับ"

จากการทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำทุกๆวัน พอจบ ม. 5 เทอม 2 จินก็มีเงินเก็บถึง 4-5 แสนเยน
สิ่งที่อยากทำอย่างแรกคือหาหอพัก  จินได้เจอห้องพักในอพาตเม้นเก่าๆแห่งนึงที่ใช้เวลาเดินแค่ 5 นาทีจากโรงเรียน .. เขาจึงไม่ลังเลที่จะขอเช่าไว้ทันที

จากนั้นก็ไปซื้อเครื่องดนตรีและของอื่นๆที่อยากได้ ทั้งกีตาร์ เบส แอมป์ของ Marshell ,แมคบุคของแอปเปิ้ล  ส่วนเงินที่เหลือก็ทุ่มไปกับมอเตอร์ไซด์ 400cc คันหนึ่งที่อยากได้มานาน 

ในระหว่างที่จินเตรียมตัวจะย้ายออกไปจากบ้าน เขาก็ยังคงทำงานพิเศษและกลับบ้านมาตอนเช้าทุกๆวัน คุณแม่ที่พอจะรู้เรื่องของจินบ้าง ก็ไม่เคยพูดต่อว่าอะไรเลยซักครั้ง  ทุกครั้งที่จินกลับมาถึงบ้านตอนเช้า แม่จะต้อนรับด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเตรียมอาหารร้อนๆเอาไว้คอยเสมอ

"จินจัง กินข้าวหน่อยนะ แม่ทำกับข้าวใกล้เสร็จละ"
"อ๊ะ เดี๋ยว ผมช่วยนะ"
"เอ๋.. ทำเป็นด้วยเหรอ"

สีหน้าของคุณแม่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความประหลาดใจ เมื่อเห็นลูกชายทำอาหารอย่างคล่องแคล่วกว่าผู้หญิงทั่วๆไปซะอีก

"ว้าว จินจังเก่งมากๆเลย แม่ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าจะเก่งขนาดนี้"
"ผมทำงานพิเศษร้านข้าวกล่องนะ เรื่องแค่นี้สบายมาก"

รอยยิ้มเล็กๆแบบเขินๆของลูกชายที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้า ทำให้คนเป็นแม่รู้สึกผ่อนคลายจากความกังวล 

แม้ภายนอกจะดูเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ข้างในของลูกชายคนนี้นั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย  ยังคงเป็นคนที่มีจิตใจดีเหมือนเดิมนั่นเอง 





Sorette kiseki -บทที่ 2.7 ชีวิตใหม่ Sorette kiseki -บทที่ 2.7 ชีวิตใหม่ Reviewed by ITadmin on 04:06:00 Rating: 5

No comments: