บทที่ 4.9
โซ.. ชายหนุ่มที่ไปเรียนเมืองนอกเพียงลำพัง
ทั้งๆที่สอบเข้าคณะทันตแพทย์ได้ตามที่พ่อแม่หวังไว้แล้ว แทนที่จะดีใจ โซอิจิกลับมีแต่ความรู้สึกกังวลในใจว่า จะสามารถทนเรียนทันตแพทย์ไปจนจบได้ไหมนะ
จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้จริงๆเหรอ
สองความรู้สึกตีกันอยู่ในหัวทุกวัน
ในช่วงที่กำลังสับสนนั้น โซก็ได้พบกับ มากิโมโตะ ซึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนกวดวิชาห้องเดียวกัน มากิโมโตะอายุมากกว่าโซหนึ่งปี เวลามีวันหยุดยาวๆทีไรก็ชอบเดินทางแบคแพคไปต่างประเทศเสมอๆ แล้วเขาก็เล่าให้โซฟังอย่างสนุกสนานว่า วันหยุดฤดูร้อนนี้จะแบคแพคไปเที่ยวยุโรปถึง 2 เดือน
มิกิโมโตะยื่นกล้องดิจิตอลให้โซอิจิดู ในนั้นมีรูปถ่ายจากประเทศต่างๆที่เขาเคยไปมาเยอะแยะไปหมด แล้วเขาก็เล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างสนุกสนาน
"ในแต่ละประเทศ มีทิวทัศน์ อาหาร ภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป ภาษาอังกฤษฉันก็ไม่ได้เก่งเท่าไหร่ บางทีก็ลำบางนิดหน่อย แต่มันสนุกดีนะ เป็นสิ่งที่นายไม่สามารถหาเห็นได้ถ้ายังอยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ"
ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่า มากิโมโตะที่ได้ไปต่างประเทศคนเดียว เผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆมากมายนั้นดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตัวเองมากๆ คำว่า "ต่างประเทศ" ได้จุดประกายขึ้นมาในใจทันที
ไปต่างประเทศก็นน่าสนใจดีนะ
พอคิดได้อย่างนั้น โซอิจิก็เริ่มหาข้อมูลไปต่างประเทศตามเว็บไซด์ต่างๆ ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การเรียนต่างประเทศ ทุกอย่างดูน่าสนใจไปหมด
แล้วโซก็ได้เจอกับโครงการของ working holiday เป็นการไปทำงานและท่องเที่ยวต่างประเทศ 1 ปี มีให้เลือกไปหลายประเทศเลยทีเดียว
อืม...ไปออสเตรเลียก็ดีนะ
อยากจะไปอยู่ในประเทศที่มีฤดูกาลต่างจากญี่ปุ่นบ้าง.. พอหลับตาจินตาการถึงการใช้ชีวิตคนเดียวที่ต่างประเทศก็รู้สึกตื่นเต้นจนหยุดไม่อยู่
นี่แหละๆๆ สิ่งที่ฉันอยากจะทำ
โซอิจิสมัครเข้าโครงการ Working Holiday ทันที
อีก 1 เดือนจะเริ่มออกเดินทาง
ตามแผนการนั้น ในเดือนแรกที่ไปถึงสามารถไปท่องเที่ยวได้ ส่วนเดือนถัดไปจะเริ่มทำงานวันจันทร์ - ศุกร์ พร้อมทั้งเรียนภาษาอังกฤษไปด้วย ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์เป็นวันหยุด
โซอิจิบอกกับพ่อแม่ว่าอยากจะฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยก็เลยจะไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย 1 ปี ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทางคุณพ่อคุณแม่ต่างก็เห็นด้วย จึงได้รับอนุญาติให้พักการเรียนมหาวิทยาลัยไว้ก่อน 1 ปี ทำให้โซอิจิดีใจมาก
ในฤดูใบไม้ร่วง โซอิจิได้เดินทางมาถึงเมืองซิดนี่ ประเทศออสเตรเลีย นั่งรถบัสทางไกลจากสนามบินมาถึง youth hostel เพื่อเช็คอินเข้าพัก แล้วออกมาเดินเล่นไปเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นมันช่างแปลกใหม่ไปหมด รู้สึกว่าตัวเรานั้นช่างเล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับโลกใบนี้
ในเดือนแรกที่ออสเตรเลีย โซอิจิใช้เงินไปกับการท่องเที่ยวเกือบหมด
พอเข้าเดือนที่ 2 ก็ต้องเริ่มทำงาน โซอิจิเดินทางเข้าตัวเมืองซิดนี่เพื่อไปหาสตาฟของทาง Working Holiday ... .
ชั้นน่ะ ภาษาอังกฤษก็ยังไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ จะทำงานอะไรได้บ้างน๊า
ทางสตาฟยื่นเอกสารแนะนำงานมาให้ปึกหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเท่าไหร่ สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่งานบาร์เทนเดอร์และรู้สึกประหลาดใจ
มีงานแบบนี้ด้วย น่าสนใจดีแฮะ
โซเข้าสัมภาษณ์กับทางสตาฟ โดยคิดในใจว่า อยากลองทำงานบาร์เทนเดอร์ดู ภาษาเราจะพอไหวไหมนะ .. แต่ถ้าไม่ได้ก็เลือกงานที่ได้ค่าตอบแทนเยอะที่สุดละกัน
" ถึงจะเป็นร้านอาหารที่ซิดนี่ย์ แต่เจ้าของและพวกสตาฟก็มีคนญี่ปุ่นอยู่เยอะแยะ ไม่ต้องห่วงเรื่องภาษานะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำงานได้เลย "
โอ้ .. ง่ายกว่าที่คิด
" ครับ ขอบคุณมากครับ!!" โซตอบรับด้วยความดีใจ
หลังจากได้งานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่บาร์ญี่่ปุ่นแห่งหนึ่ง โซก็ย้ายที่อยู่จากเกสเฮาส์มาอยู่อพาร์ตเม้นใกล้ๆที่ทำงาน ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเรื่องสัญญาเช่าต่างๆเยอะแยะมากมาย ตอนแรกก็ลำบากใจ แต่พอบอกว่ามาจาก Working Holiday ทุกคนก็เข้าใจและให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
เวลาผ่านไปครึ่งปี โซเริ่มชินกับการทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์
เงินที่ได้มาก็เอาไปเที่ยว ใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน
ในช่วงนั้นในใจเริ่มเกิดคำถามกับตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ..
นี่ชั้นมาทำอะไรที่นี่กันนะ
ไม่พอใจกับเส้นทางที่พ่อแม่ขีดไว้ให้ เลยหนีมาอยู่ออสเตรเลีย ใช้ชีวิตล่องลอยไปๆมาๆ สนุกไปวันๆ เหมือนกับว่าได้หลงลืมบางอย่างที่สำคัญไป
งานบาร์เทนเดอร์นั้นก็สนุกดี ได้เจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา
แต่ยิ่งอยู่นานๆไป ความคิดที่ว่านั้นก็ใหญ่ขึ้นๆ
วันหนึ่ง สตาฟของ working holiday มาเที่ยวที่ร้าน แล้วเดินตรงมาที่บาร์ที่โซอิจิทำงานอยู่
" โซ นายนี่ตัวสูงดีนะ ท่าทางมีกล้ามเนื้อแข็งแรงดีด้วย เล่นกีฬาอะไรหรือเปล่า"
" อ๋อ ก็เคยเล่นเบสบอลกับบาสเก็ตบอลครับ"
" โห ดีเลยๆๆ ที่จริงคือทีมรักบี้ที่ฉันอยู่ตอนนี้เขาอยากได้นักกีฬาเพิ่ม นายสนใจมั้ย"
รักบี้!? เป็นกีฬาที่แปลกใหม่สำหรับโซอิจิมาก ถ้าอยู่ญี่ปุ่นคงไม่ได้เล่นแน่ๆ
น่าสนใจ
"ผมไม่เคยเล่นนะครับ .. ถ้าจะช่วยสอนผมก็ว่าน่าสนใจดี"
" ไม่มีปัญหาๆ งั้นเดี๋ยววันเสาร์นี้มาหาชั้นที่บริษัทนะ จะพาไปแนะนำให้รู้จักสมาชิกทุกๆคน"
โซเริ่มเล่นรักบี้ให้กับทีมสโมสรแห่งหนึ่ง
เป็นกีฬาที่เสียเหงื่อและทำให้เจ็บตัวมาก แต่เวลาที่ได้ใช้พลังเยอะๆแบบสุดตัวในกีฬามันก็สนุกดี ทำให้ลืมเรื่องทุกข์ใจทุกๆอย่างไปหมด หลังซ้อมเสร็จก็มักจะมีปาร์ตี้บาร์บีคิวกันในทีม บางครั้งก็ไปนอนค้างที่บ้านของเพื่อนร่วมทีมบ้าง ในทีมมีตั้งแต่วัยรุ่นยันคุณปู ทำให้ได้มีเพื่อนเป็นผู้สูงอายุหลายคนด้วย
ทั้ังงานบาร์เทนเดอร์ และนักกีฬารักบี้ เมื่อได้มองเห็นเส้นทางของเพื่อนๆรอบตัวแล้ว ก็ทำให้รู้สึกได้ว่า ทุกๆคน ต่างคนต่างก็มีบทบาทหน้าที่ของตัวเองแตกต่างกันไป ตัวฉันเองก็ควรจะหยุดหนีจากโชคชะตา แล้วเผชิญหน้ากับความจริงได้แล้ว... ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะทำมันได้ดีแค่ไหน การเกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลทันตแพทย์ และต้องรับช่วงต่องานที่บ้าน มันอาจจะเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้วก็ได้
เอาละ ลองกลับญี่ปุ่นไปสู้กับมันซักตั้งดีกว่า
แล้วการใช้ชีวิตในต่างประเทศ 1 ปีของของโซอิจิก็จบลง
ตัวฉันเองก็โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหน่อยแล้วหรือเปล่าน๊า
...
..
.
หลังจาก working holiday จบลง โซอิจิก็ได้กลับมาเรียนทันตแพทย์ที่มหาวิทยาลัยโคริยาม่าตามหน้าที่ ถึงแม้ในใจยังคงไม่มีความอยากเป็นทันตแพทย์ซักเท่าไหร่ แต่เขาก็เข้าเรียนไม่เคยขาด บางครั้งก็ตามเพื่อนๆในคณะไปเที่ยวเล่นตามร้านอิซากายะบ้าง ไปคาราโอเกะบ้าง การสอบเอาใบประกาศวิชาชีพนั้นยังเป็นเรื่องที่ไกลตัวอยู่พอสมควร
และการใช้ชีวิตในคณะทันตแพทย์ที่แสนธรรมดาเหล่านั้น ทำให้ได้เจอกับคนที่เข้ามาเปลี่ยนโชคชะตาชีวิตของตัวเองอย่างสิ้นเชิง
เพื่อนร่วมชั้นผมสีทอง แต่งเนื้อแต่งตัวสุดแฟชั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า
หมอนั่นพูดจาขึ้นอย่างเป็นกันเองว่า
" เสียงนายต่ำเป็นเอกลักษณ์ดีจัง "
" สนใจมาเป็นนักร้องในวงชั้นมั้ย"
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่า เรื่องราวมหัศจรรย์ที่เหมือนกับในการ์ตูนมังงะแบบนั้ันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
บทที่ 4.9 โซ.. ชายหนุ่มที่ไปเรียนเมืองนอกเพียงลำพัง
Reviewed by ITadmin
on
11:53:00
Rating:
เข้ามาหาคำแปลไทยของเพลง 扉 เพื่อให้รุ่นน้องที่ทำงานอ่าน มาเจอบล็อคนี้ ไม่น่าเชื่อว่า 2020 ยังคงอัพเดทเรื่องราวที่น่าสนใจของวงและสมาชิกของวง เป็นกำลังใจให้เจ้าของบล็อคและขอบคุณสำหรับ Contentดีๆ ค่ะ
ReplyDelete