GReeeeN คือ??

บทเพลงของหมอพันอารมณ์ดี ดนตรี Feel Good!

Sorette kiseki -บทที่ 2.9 เป้าหมายคือ "มืออาชีพ"

บทที่ 2.9

เป้าหมายคือ "มืออาชีพ"


ตอนที่ได้ไปยืนอยู่บนเวทีในไลฟ์เฮ้าส์เป็นครั้งแรก...
นั่นคือช่วงที่จินกำลังประสบปัญหาในการเลื่อนชั้นขึ้นม. 6 

ไลฟ์เฮ้าส์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกียวโตก็คือ " MUSE " เป็นไลฟ์เฮ้าส์ที่จินใฝ่ฝันอยากขึ้นแสดงมาตลอด
หลังจากที่เริ่มตั้งวง " CHILD" ร่วมกับนิวะจัง ได้ซ้อมกันจนเข้าที่เข้าทาง 
จินก็เดินมุ่งหน้าไปคุยกับผู้ดูแลที่ MUSE ทันที

" วงของพวกผมอยากขึ้นแสดงที่นี่ครับ "  จินประกาศเจตนารมน์ที่ร้อนแรงให้ผู้ดูแลไลฟ์เฮ้าส์
แต่ผลตอบรับนั้นคือน้ำเสียงที่เหนื่อยหน่าย 

"เฮ้อ.. นี่นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกันเนี่ย"

"เอ้อ ผมยังเรียนอยู่ม.ปลาย แต่ว่าผมมีเป้าหมายจะเป็นมืออาชีพนะครับ ขอความกรุณาด้วยครับ!"
"วงของพวกนายเล่นเพลงแนวไหน"

"ปกติก็เล่นเพลงของ X-Japan ครับ"

" เหอะ!  ที่นี่น่ะ ไม่ต้อนรับวงที่เล่นเลียนแบบชาวบ้านเค้านะเว้ย"
"ถ้าไม่มีปัญญาสร้างเพลงของตัวเองละก็ไม่มีที่ให้ยืนหรอกนะ"

"ทำไมถึงไม่ได้ล่ะครับ"

"ทำไมถึงไม่ได้? ก็เพราะชั้นตัดสินใจแล้วไงว่า วงที่จะเล่นที่นี่ได้ ต้องเป็น original เท่านั้น"
"ถ้านายอยากจะเล่นเพลงที่เลียนแบบชาวบ้านเค้าขนาดนั้นละก็  ไม่ลองไปถามที่ ARC DELUX ไลฟ์เฮ้าส์ดูล่ะ ถ้าเป็นที่นั่นละก็น่าจะได้ละน๊า"

" ไม่ละฮะ ยังไงที่นี่ก็เป็นอันดับ 1 ในเกียวโตใช่มั้ยล่ะ ผมอยากเล่นที่นี่มากกว่า" 

"โฮ่.. ถ้าอยากเล่นขนาดนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเลยน่ะนะ"
"ถ้าเป็นวงที่เล่นเลียนแบบมือโปรละก็ วางเงินค่าเช่าซัก 5 แสนเยนจะยอมให้เล่นก็ได้อยู่หรอก 
"แล้วพวกนายก็ต้องขายบัตรกันเองด้วย จะเอามั้ยล่ะ" 

เจ้าของไลฟ์เฮ้าที่พูดจาเรียกค่าเช่าแบบเว่อร์ๆเพื่อให้เจ้าเด็กน้อยที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตัดใจ  หารู้ไม่ว่านั่นคือการจุดประกายครั้งใหม่

"จริงเหรอครับ!! งั้นผมเอาแบบนั้นก็ได้"

"เฮ้ย!! เอาจริงอะ"
..
.
ในวันต่อมา จินก็เอาเงินมัดจำ 4แสนเยนมาวางให้ตรงหน้า  

"อีก 1 แสนเยนเดี๋ยวผมมาจ่ายวันแสดงจริงนะฮะ"

จากนั้นก่อนวันแสดง 1 เดือน จินและเพื่อนๆร่วมวงก็เริ่มแจกจ่ายใบปลิวตามท้องถนน
เจ้าของไลฟ์เฮ้าส์เอง พอเห็นความตั้งใจของจินแล้ว ก็ช่วยบอกต่อเพื่อนๆที่รู้จักกันให้ด้วย

"คราวนี้ชั้นจะเล่นดนตรีที่ไลฟ์เฮาส์นี้ละ  ช่วยมาดูหน่อยนะ"

จินก้มหัวให้ผู้คนมากมาย เพื่อเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้
พอเห็นแบบนั้น..ก็ไม่มีใครปฏิเสธความตั้งใจของจินเลยซักคนเดียว

การแสดงสดครั้งแรกของวง CHILD มีคนมาเข้าร่วมกว่า 350 คน
พอรวมๆค่าตั๋วแล้ว ก็ถือว่าได้เงินมัดจำ 4 แสนเยนนั้นคืนมาได้เลยทีเดียว

หลังจากนั้นวง CHILD ก็เริ่มเป็นที่สนใจของคนทั่วไป  ไม่ว่าจะเป็นวงรุ่นพี่ที่เคยแสดงที่ไลฟ์เฮ้าส์นั้นมาก่อน หรือพวกสตาฟที่นั่น ก็พูดชมไม่ขาด

" เริ่มทำวงตั้งแต่ม.ปลายแบบนี้  นายนี่มันเจ๋งว่ะ"

เพลงของ X-JAPAN ที่วงของจินเล่นโคฟเวอร์นั้นโดนใจแฟนๆอย่างแรง  ราวกับ hide จากวง X-JAPAN ตัวจริงมาเล่นให้ฟังอยู่บนเวทีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม  มีเพลงนึงของ X- Japan ที่ไม่ว่าจะทำยังไง จินก็ก๊อปปี้ไม่ได้ซะที

เพลงนั้นก็คือ "DICE"


เพลง Dice จาก X-Japan ดนตรีสุดยอดมากๆ


เสียงกีตาร์ที่หลีดขึ้นมาในท่อนนึงของเพลง  เป็นเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
มันมีเสียง แช๊งๆๆๆ ชาลาๆๆๆ ชาลา
ทำยังไงก็ไม่เหมือนซะที

จินเลยไปขอคำปรึกษาจากรุ่นพี่ที่เล่นในไลฟ์เฮ้าส์มาก่อน 

"เสียงนี้ ตรงท่อนนี้มันต้องทำยังไงน่ะครับ ผมเล่นยังไงก็ไม่ได้ซะที"
"อ๋อ อันนี้เหรอ  ต้องใช้ Sampler ช่วยทำเสียงด้วยน่ะ"

"เอ๋ Sampler คืออะไรฮะ"
"เป็นพวกเครื่องทำเสียงสังคราะห์น่ะ แค่กดปุ่มก็มีเสียงออกมาแล้ว"
"หา! โลกนี้มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย!!" 

(อย่าลืมว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ในยุคที่ไม่มีอินเตอร์เน็ท และมือถือนะคะ!  ไอ้เครื่องที่กดแล้วมีเสียงออกมา คงเป็นอะไรที่ล้ำมาก)

เครื่อง sampler หามาจากกูเกิ้ลค่ะ


หลังจากนั้นจินก็มุ่งหน้าไปร้านเครื่องดนตรี เพื่อมองหาเจ้าเครื่อง Sampler นั้น

5แสน 6หมื่นเยน....
เป็นราคาที่แพงลิบลิ่ว 

แต่ถึงอย่างงั้น....เพื่อเสียงเพลงเพียงท่อนเดียว จินก็ควักกระเป๋าซื้อมันมา

วงของเด็กม.ปลายที่มีเครื่อง Sampler เล่นด้วย ..มีเพียงวงของจินเท่านั้น
(แน่ละ แม่งโคตรแพง ใครจะไปซื้อวะ)

ทำให้ CHILD มีชื่อเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ..

พอขึ้นชั้น ม. 6 จินก็แทบไม่ได้ไปโรงเรียนเลยจนเกือบจะโดนไล่ออก
แต่จริงๆจินก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ถึงจะต้องซ้ำชั้น หรือโดนไล่ออกก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในชีวิตเลยซักนิด

เพราะตัวเองได้ตัดสินใจไปแล้ว ว่าจะเป็นนักดนตรีมืออาชีพนี่นา

วันมาเรียนไม่ถึง 60 วัน ตามกฎแล้วก็ต้องซ้ำชั้น  ถ้ารวมกับพฤติกรรมที่ต่อต้านครูอาจารย์ ย้อมผมสีทองมาตั้งแต่ชั้น ม. 5  แล้วยังทำตัวเป็นเหมือนพวกแยงกี้  จะให้โดนไล่ออกเลยก็ยังนับว่ามีเหตุผล

"อย่างเจ้านั่นจะให้จบการศึกษาไม่ได้หรอกนะ  ทำตัวแบบนี้แล้วก็ควรจะให้ซ้ำชั้นไปซะ"
อาจารย์คนหนึ่งพูดขึ้นในระหว่างการประชุมครู

"จะมองเค้าแค่ด้านเดียวแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ  ผมว่าเจ้านั่นน่ะ ลูกผู้ชายตัวจริง กล้าคิด กล้าตัดสินใจที่จะเลือกเส้นทางที่ตัวเองอยากจะทำ จริงๆแล้วเจ้านั่นไม่ใช่เด็กเกเรซะหน่อย  ในเมื่อเจ้านั่นมีความตั้งใจจริงที่จะเป็นนักดนตรี   เราก็ไม่ควรจะไปรั้งเค้าเอาไว้นะครับ"
คุณครูประจำชั้นพูดขัดขึ้นมา

"ไม่ใช่ละ ที่นี่เป็นโรงเรียนนะครับ  กฎก็ต้องเป็นกฎ   โกะไดคุงน่ะ ตั้งแต่เปิดเรียนมาก็ไม่เคยทำตามกฎโรงเรียนเลยซักครั้งเดียว  เด็กที่รักษากฎไม่ได้ จะปล่อยออกไปเพ่นพ่านในสังคมได้ยังไง"  คุณครูอีกคนพูดเสริมขึ้นมา

" เข้าใจผิดแล้วครับ  ที่ทำไปก็เพราะว่าอยากจะเป็นนักดนตรีจริงๆเท่านั้นเอง  เพราะภาพลักษณ์ในการแสดงดนตรีร็อค มันก็ต้องไปในทางนั้น  เจ้านั่นก็เลยยอมที่จะฝ่าฝืนกฎโรงเรียนเพื่ออนาคตของตัวเอง   ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลยซักหน่อย มันต่างกับพวกเด็กเกเรทั่วไปนะครับ " 
คุณครูประจำชั้นยังคงยืนกรานที่จะให้จินจบการศึกษาในปีนี้

จะให้จบการศีกษาหรือจะให้ซ้ำชั้น...หลังจากการถกเถียงเรื่องของจินมานาน  ผลสรุปก็คือ ให้จินจบการศึกษาได้  ด้วยข้อแม้ว่า ต้องย้อมผมเป็นสีดำมางานจบการศึกษาเท่านั้น

"ห๊ะ! แล้วทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ ไม่เอาละ"
จินพูดขึ้นมาเมื่อได้ยินอาจารย์ประจำชั้นบอกเงื่อนไขที่จะทำให้ตัวเองจบการศึกษาได้

ในเมื่อการเรียนก็ไม่ได้จำเป็นสำหรับชีวิตนี้อยู่แล้ว จะเรียนจบ จะโดนไล่ออก จะให้ซ้ำชั้นหรืออะไร ก็ไม่เห็นต้องแคร์เลยซักนิด  แล้วทำไมจะต้องมาลำบากทำตามที่คนอื่นต้องการด้วย  

ตัดสินใจแล้วว่าอนาคตข้างหน้ายังไงก็จะเป็นนักดนตรีเท่านั้น   การเรียนน่ะ จะเป็นยังไงก็ช่างมันสิ


แต่สิ่งที่เปลี่ยนความคิดของจินก็คือ   คุณแม่ที่อุตส่าห์มาหาจินถึงอพาร์ตเม้นพร้อมสีหน้าแห่งความยินดี

"ได้ยินว่าโรงเรียนให้ลูกจบการศึกษาได้  ดีจังเลยเนอะจินจัง"

รอยยิ้มแห่งความยินดีของคุณแม่ที่จินไม่ได้เห็นมานาน ทำให้จินได้รู้สึกตัวว่า ...
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำตัวให้แม่ภูมิใจเลยซักครั้ง

สีผมน่ะ จะสีอะไรมันก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจที่จะเป็นนักดนตรีหายไปซะหน่อย
แค่เปลี่ยนสีผมเพื่อรอยยิ้มของคุณแม่ในวันนั้น.. ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

ทั้งงานจบการศึกษา ทั้งประกาศนีย์บัตร ผมจะทำเพื่อแม่เองนะ
ของขวัญชิ้นแรกที่ผมจะให้แม่ได้ตอนนี้ ก็มีแค่ใบจบการศึกษานี่ละ


จินยอมย้อมผมเป็นสีดำ แต่งตัวนักเรียนแบบเรียบร้อยมาในงานจบการศึกษา  ไม่ว่าจะเป็นครูหรือนักเรียนต่างก็ตกใจกันยกใหญ่  เหล่าคุณครูที่เคยมองจินเป็นเด็กเก และเคยต่อต้านกันมาก่อน  เมื่อเห็นภาพของจินที่กลับเนื้อกลับตัวมาเรียบร้อยอีกครั้ง ก็พากันให้อภัยและ เข้ามาร่วมแสดงความยินดีด้วย

"ยินดีด้วยนะโกะไดคุง"
"นายนี่มันเท่ห์จริงๆ"
"เป็นนักดนตรีชื่อดังให้ได้เลยนะ!"

หลังจากพิธีจบการศึกษา จินก็แวะมาที่บ้าน พร้อมกับยื่นใบประกาศนียบัตรให้

"แม่! เอ้านี่ ผมให้"

หลังจากได้เห็นรอยยิ้มของคุณแม่ จินก็รู้สึกพอใจ ..ดีแล้วที่ได้เรียนจบ
จากนั้นเขาก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปตามความฝันอีกครั้ง

หลังจากเรียนจบ จินก็ยังคงทำงานพิเศษและซ้อมดนตรีไปพร้อมๆกัน
แต่ก็รู้ตัวดีว่า ถ้าจะเป็นมืออาชีพละก็ จะเอาแต่ทำแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ ..
ต้องหาทางทำอะไรซักอย่าง 

ในวันหนึ่ง ระหว่างที่กำลังนั่งอยู่ในห้องกับนิวะจัง จินก็ลองพูดเรื่องนี้ดู

"นายอยากจะเป็นมืออาชีพจริงๆเหรอ?" 
นิวะเอ่ยถามขึ้นแล้วยกนมเปรี้ยวมัมมี่ขึ้นดื่มจนหมดขวด

"ใช่ เรามาทำวงแบบมืออาชีพกันจริงๆมั้ย?"
"หืม .. งั้น...ก่อนอื่นก็ต้องฝึกฝีมือให้มากกว่านี้ละนะ  แล้วก็มาแต่งเพลง original ของพวกเรากัน!"

จากวันนั้น จินก็เริ่มแต่งเพลงของตัวเอง และเอาเพลงไปเล่นในไลฟ์เฮาส์บ้าง ขึ้นเวทีตามงานอินดี้ต่างๆบ้าง การที่มีเพลงเป็นของตัวเอง ทำให้มีเอกลักษณ์ในการแสดงมากขึ้น 

หลังจากที่ทำเพลงใหม่ๆ  ขึ้นแสดงไลฟ์  ทำงานพิเศษ คิดเพลงใหม่ๆ ขึ้นแสดงไลฟ์ ทำงานพิเศษ  วนไปเวียนมาได้ซักพักหนึ่ง วง CHILD ก็ค่อยๆมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  จนขึ้นเป็นอันดับ 2ในเกียวโต  เป็นรองแค่วงของพวกรุ่นพี่มือเก๋าอายุเกือบ 30 ที่เล่นดนตรีมาก่อนหน้าจินหลายปีนัก 

นับเป็นก้าวเดินที่ทำให้ใกล้กับคำว่า "มืออาชีพ" เข้าไปอีกก้าว










Sorette kiseki -บทที่ 2.9 เป้าหมายคือ "มืออาชีพ" Sorette kiseki -บทที่ 2.9 เป้าหมายคือ "มืออาชีพ" Reviewed by ITadmin on 23:17:00 Rating: 5

2 comments:

  1. ขอบคุณที่แปลค่า ตามอ่านอยู่ตลอดเลยค่า
    พี่จินสู้ๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณที่ติดตามกันค่า

      Delete