GReeeeN คือ??

บทเพลงของหมอพันอารมณ์ดี ดนตรี Feel Good!

Sorette kiseki -บทที่ 3.6 การพบกันของฮิเดะและนาวี

บทที่ 3.6

 การพบกันของฮิเดะและนาวี




หลังจากสอบสัมภาษณ์ในตอนบ่ายเสร็จ ฮิเดะก็ขึ้นรถไฟชินกันเซ็นกลับโตเกียวเพียงคนเดียว
เขายังคงเลือกนั่งที่แบบ non-reserve และมองหาเผื่อว่าจะได้เจอกับกาคุโตะอีกครั้ง
แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว

อืม.. อาจจะยังสอบสัมภาษณ์ไม่เสร็จละมั้งนะ

ระหว่างที่นั่งบนบนรถไฟชินกันเซ็น  ฮิเดะก็พลางนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ตอนที่ได้จอกับกาคุโตะครั้งแรก ในฤดูร้อน ราวๆ 1ปีก่อนหน้านี้
..
.
ที่โรงเรียนกวดวิชา
วันนั้นฮิเดะเข้าไปวางกระเป๋าทิ้งไว้ตรงที่นั่งด้านหลังห้อง แล้วก็เดินออกมาเที่ยวเล่นเหมือนอย่างเคย
และร้านประจำที่เขาชอบไปบ่อยๆ ก็หนีไม่พ้นร้านขายเสื้อผ้าตะวันตก ที่อยุ่ใกล้ๆโรงเรียนนั่นเอง
พี่สาวที่เป้นแฟนเจ้าของร้าน ทักอย่างอารมณ์ดี

"ฮิเดะคุง มีคนบอกว่าอยากได้รองเท้ารุ่นที่เธอจะขายพอดีเลย สนใจมั้ย"
"เอ๊ะ  คู่ไหนนะครับ"
" GRAVIS รุน premium น่ะ"


 GRAVIS เป็นยี่ห้อของรองเท้าผ้าใบที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่วัยรุ่นสมัยนั้น ไม่ว่าใครๆก็อยากได้ไว้ครอบครอง หลายๆรุ่นขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว รวมทั้งรุ่น premium นี้ด้วย

"อ่อ.. แล้วคนที่บอกว่าอยากได้ นี่ใครนะครับ"
"รู้สึกว่าจะเรียนอยุ่ที่โรงเรียนเดียวกับฮิเดะคุงนะ  เห็นบอกว่ารู้จักฮิเดะคุงด้วย แต่ไม่เคยคุยกันเลย"
พี่สาวที่ร้านขายรองเท้ายื่นกระดาษใบเล็กๆที่มีชื่อและเบอร์ติดต่อของเด้กคนนั้นส่งให้

ชื่อของเด็กคนนั้นคือ  柴田学人

"柴田 ..ชิบาตะคุง..... 学人...เอ่อ.. มานาบิบิโตะ... ชื่อมานาบิบิโตะเหรอเนี่ย "

Comment # ** คันจิคำว่า 学 อ่านได้หลายแบบค่ะ จะอ่านว่า มานาบิ, มานาบุ, กาคุ ก็ได้  ซึ่งชื่อจริงๆของนาวีได้ข่าวว่ามีคันจิตัวนี้อยู่เหมือนกันค่ะ 
ส่วน人 อันนี้ก็อ่านได้หลายแบบเช่นกัน จะอ่านว่า จิน,ฮิโตะ, โตะ, บิโตะ ยังไงก็ได้  
แน่นอนว่าฮิเดะอ่านชื่อผิด ... แต่ใช่ว่ามันจะแคร์ 555

"เค้าบอกว่าตามหารองเท้า GRAVIS มาหลายที่แล้ว ไม่เจอที่ไหนขายเลย พี่เลยบอกว่าเดี๋ยวถามฮิเดะให้  เพราะอย่างนาย คงจะหาซื้อได้หลายคู่แน่ๆ   ลองไปติดต่อกันเองละกันนะ"

"อืม.. ชิบาตะคุง.. คนไหนกันหว่า  ไม่คุ้นเลยอะ แต่ว่าจะลองหาดุนะครับ ขอบคุณมากครับ"
...
..
.
วันต่อมา ที่เรียนกวดวิชา
ระหว่างที่ฮิเดะกำลังนั่งรอเข้าเรียน  ก็รู้สึกได้ถึงสายตาหนึ่งที่จับจ้องมา
พอหันไปก็เห็นเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกัน  หน้าตาคุ้นๆ... จะว่าไม่รู้จักก็ไม่ใช่  อารมณ์ประมาณเพื่อนของเพื่อน ที่เคยเห็นหน้ากันบ้าง แต่ไม่เคยได้คุยกันซักที

"เอ่อ .. โกะไดคุงใช่มั้ย"
"อื้ม"
ฮิเดะตอบอย่างเป็นกันเอง

"เราชิบาตะเองนะ   อยากจะถามเรื่องรองเท้าที่นายจะขายน่ะ"
"อ๋ออออ ชิบาตะคุงนี่เอง   ได้สิๆ  พี่สาวที่ร้านขายเสื้อผ้าบอกมาแล้วหล่ะ  ชิบาตะ มานาบิบิโตะคุงใช่มั้ย"
ฮิเดะเรียกชื่ออย่างมั่นใจ...โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่า อ่านชื่อคนอื่นเค้าผิดเต็มๆ

"ใช่.... เอ่อ  ชิบาตะ กาคุโตะ น่ะ"  
ชิบาตะคุงพยายามแก้ไขชื่อตัวเองให้ถูกต้อง  แต่ดูท่าทางจะไร้ผล

"มานาบิบิโตะคุง นายใส่รองเท้าไซด์อะไรล่ะ"

พอคุยกันแล้วถึงรู้ว่า ทั้งคู่ใส่รองเท้าเบอร์เดียวกันพอดี  ฮิเดะเลยสัญญาว่าจะเอารองเท้ามาให้วันจันทร์นี้

"ที่จริงน่ะ ชั้นทำงานพิเศษที่ร้านขายเสื้อผ้าอยู่ด้วย ก็เลยพอจะหาซื้อได้น่ะ "  
"เอ๋.. จริงอะ  สุดยอดเลย"
"ถ้านายอยากได้อีกซักคู่สองคุ่ละก็ เดี๋ยวชั้นจะลองคุยให้ก็ได้นะ"
" เอ๊ะ.. ขอบคุณมากนะ" ชิบาตะ กาคุโตะ ยิ้มอย่างดีใจ

"แล้ว..คู่นี้นายจะขายเท่าไหร่"
"อืม .. นั่นสินะ จริงๆชั้นก็มีอยู่ที่บ้านอีกหลายคู่  เอาไปถูกๆเลยละกัน"
ฮิเดะบอกราคาขายต่อ แค่ประมาณ 10%ของราคาจริงเท่านั้น ทำให้กาคุโตะถึงกับอึ้ง

"เอ่ ไม่ดีมั้ง ชั้นรู้สึกผิดเลย นายขายแพงกว่านี้เถอะ"
" ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยววันจันทร์เอามาให้นะ"
"เอ๋ ..เอางั้นเหรอ  ขอบคุณมากนะโกะไดคุง!!"
"โอ้ยย โกะได อะไรกันเล่า เรียกฮิเดะก็ได้ "

ฮิเดะที่มีความสามารถในการสนิทกับคนอื่นอย่างง่ายดาย พูดคุยกับคนแปลกหน้าอย่างสนิทสนมราวกับรู้จักกันมานานหลายปี ทำให้ชิบาตะ กาคุโตะ ที่ไม่ค่อยคุ้นชินกับการเรียกชื่อต้นของคนอื่นเท่าไหร่รู้สึกเขินเล็กน้อย

วันต่อมา ฮิเดะก็เอารองเท้ามาให้ตามสัญญา หลังจากนั้น พอเจอหน้ากัน ทั้งคู่ก้จะพูดคุยกันเสมอๆ

"โอ๊สสส  มานาบิบิโตะคุง หวัดดี"
"นี่ๆ มานาบิบิโตะ..."
"มานาบิบิโตะน่ะ...บลาๆๆ"

ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง ฮิเดะก้ยังไม่เลิกเรียกกาคุโตะว่า มานาบิบิโตะซะที

"ว่าแต่ชื่อนาย...ชื่อมานาบิบิโตะเนี่ย ยาวนะ เรียกยากจัง"
ชั้นขอเรียกสั้นๆนะ .. เอาชื่อไรดี.. 
มานาบิ..
มานะ..อ่า ไม่เอาๆ
นาบิ..
ใช่ๆ ชั้นเรียกว่านาวีละกันนะ"

กาคุโตะยืนทำตาปริบๆ มองฮิเดะที่พูดเองเออเองไปซะหมด
ควรจะพูดไปดีมั้ยนะ ..ว่าชั้นชื่อกาคุโตะ..
อืม  .. ช่างเถอะ ชื่อเรียกน่ะ ยังไงก็ได้

" นาวี? จะเรียกงั้นก็ได้  แล้วแต่นายละกัน......ว่าแต่.. ชื่อมันเหมือนชื่อหมาหรือแมวเลยนะ .. "
"เจ๋งไปเลยใช่มั้ยล่ะ! ชื่อนาวีน่ะ!"

นาวีขำกับท่าทีดีใจของฮิเดะ
อืม.. ก็เป็นชื่อเรียกที่น่ารักดีนะ
เป็นครั้งแรกที่มีคนอื่นตั้งชื่อเล่นให้อย่างสนิทสนมแบบนี้ ในใจลึกๆก็แอบดีใจอยู่เหมือนกัน

พอคุยกันมากขึ้นแล้วก็ถึงได้รู้ว่า ทั้งสองคนอายุเท่ากัน และยังสอบตกมา 3 ปีซ้อนเหมือนๆกันอีกด้วย

"เอาจริงๆ ชั้นไม่ค่อยคุ้นหน้านายเลยนะ สงสัยเพราะชั้นไม่ค่อยได้เข้าเรียนละมั้ง ตอนเช้าพอมาถึงดรงเรียนปุ๊บก็ตรงไปเดินเล่นแถวชินจูกุตลอดเลย"  ฮิเดะเล่าเรื่องของตัวเอง

"จริงๆชั้นก็ไม่ค่อยได้มาเรียนนะ ปกติชั้นชอบออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนสมัยม.ปลายน่ะ ส่วนเวลาเรียน ส่วนใหญ่ชั้นก็ชอบเรียนคนเดียวที่บ้านมากกว่า"

"อ้อ .. แล้วนายชอบพวกเรื่องแฟชั่นอะไรแบบนี้มั้ย"
"ก็ชอบเหมือนกัน  แต่ชั้นคงไม่ได้ตามแฟชั่นมากเท่ากับฮิเดะคุงหรอกนะ"

ถ้ามองดูจากภายนอกละก็ ฮิเดะและนาวี ทั้งสองคนมีอะไรต่างกันมากมาย
ฮิเดะเป็นพวกที่พุดคุยได้อย่างสดใสร่าเริง และยังชอบแต่งตัวเท่ห์ๆ ด้วยแฟชั่นทันสมัย
ส่วนนาวีนั้นออกจะเงียบๆ แต่งตัวแบบเรียบง่ายไม่เป็นจุดเด่นซะเลย
แต่ทั้งสองคนนั้นก็มีจุดร่วมจุดหนึ่งเหมือนๆกัน
นั่นก็คือความหลงไหลในเสียงเพลง

"นายชอบฟังเพลงแนวไหนเหรอ"
พอฮิเดะถามมาเรื่องนี้ แววตาของนาวีก็ดูสดใสขึ้นมาทันที
"B'Z น่ะ ชอบมากเลย"
"ชั้นก็ชอบเหมือนกัน!!  ตอนป.6 ชั้นเขียนการบ้านส่งอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องดนตรีของ B'Z ด้วยหล่ะ  โคชิซังนี่โคตรเท่อะ แล้วกีตาร์ของมัตสึโมโตะซังก็สุดยอดจริงๆเนอะ"
ฮิเดะพูดไปด้วยรอยยิ้มและแววตาเป็นประกาย ไม่ตางไปจากนาวี

"ใช่ๆ สำหรับชั้นนี่ มัตสึโมโตะซังเหมือนกับเป็นพระเจ้าเลยหล่ะ  โอ้ยย ชอบมากเลยจริงๆ"

ฮิเดะเป็นคนที่ฟังดนตรีมามากมายหลายแนวมาตั้งแต่ม.ปลาย ทั้งแบบ ปีอบ ร็อค พังค์ ฮิปฮอป ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนๆก็ฟังได้หมด แถมยังมีวงที่ชอบมากมายและ B'Z ก็เป้นหนึ่งในวงเหล่านั้น
แต่สำหรับนาวี B'Z คือสุดยอดที่สุดของที่สุด

ตอนที่นาวีบอกว่า "ชอบ B'Z มากเลย" ฮิเดะรับรู้ได้ว่ามันช่างดูหนักแน่นจริงจัง ต่างกับคำว่าชอบวงนั้นวงนี้ แบบที่ตัวเองพูดไปเหลือเกิน

...
..

อีกด้านหนึ่ง ชิบาตะ กาคุโตะที่เพิ่งสอบสัมภาษณ์เสร็จ ก็พยายามมองหาฮิเดะที่สถานีรถไฟชินกันเซ็นเหมือนกัน
แต่ก็ไม่ได้เจอกันเลยหลังจากแยกกันที่หน้าโรงแรมในวันนั้น

อืม..ฮิเดะสัมภาษณ์เสร็จเร็วกว่าตั้งนาน น่าจะกลับไปแล้วละมัั้ง นาวีคิดในใจ
สุดท้ายก็ขึ้นรถไฟชินกันเซ็นกลับไปคนเดียวเหมือนกัน

รองเท้าที่ใส่กลับบ้านที่ชิบะในวันนั้น ..ก็คือ GRAVIS รุ่น premium นั่นเอง
เป็นรองเท้าที่ชอบมาก และใฝ่ฝันอยากได้มานาน

เพราะเมื่อได้ใส่รองเท้าคู่นี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเองคนเก่าอีกต่อไป
พอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาในทันที



อยากเปลียนแปลงตัวเอง...
ไม่สิ
ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้

เป็นความคิดที่เกิดขึ้นมาหลังจากที่ ชิบาตะ กาคุโตะ  ผิดหวังในเรื่องของความรัก

ย้อนกลับไปสามปีที่แล้ว ตอนที่เริ่มเข้ามาเรียนที่โรงเรียนกวดวิชา
ทั้งที่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะมีความรัก
แต่เรื่องของหัวใจก็ใช่ว่าจะห้ามกันได้
กาคุโตะแอบชอบเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งมาก
ในหัวมีแต่เรื่องของเธอคนนั้น จนไม่มีสมาธิที่จะโฟกัสไปเรื่องการเรียนเลยซักนิด

อยู่มาวันหนึ่ง เขาเลยตัดสินใจรวบรวมความกล้าพูดออกไป
เป็นการสารภาพรักครั้งแรกในชีวิต

"ขอโทษนะ"
เธอคนนั้นพูดพร้อมกับก้มหัวเป็นการขอโทษอีกครั้ง

และความรักของเขาก็จบลงตรงนัั้น

แทนที่จะยอมรับและทำใจได้
ตรงกันข้าม
เขารู้สึกเหมือนทรมาณราวกับโลกทั้งใบกลายเป็นนรก
ทั้งความเสียใจ ความเหงา คอยรบกวนจิตใจตลอดจนไม่เป็นอันทำอะไร
ไม่ว่าจะกินข้าว จะกลับบ้าน จะเข้านอน ก็ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรซักอย่าง

เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทิ้งตัวลงนอนบนเตียง และถอนหายใจทิ้งไปวันๆ

กาคุโตะพยายามกลับไปเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาอีกครั้ง
โรงเรียนกวดวิชาตั้งอยู่ในเขตชินจูกุ
..เขตที่ได้ชื่อว่ามีผู้คนพลุกพล่านมาที่สุดในโตเกียว
กาคุโตะเดินสวนไปกับผู้คนมากมายที่ต่างแต่งตัวดูดีกันทั้งนั้น

ทำไมทุกคนดูมีความสุขกันจัง

ทั้งที่ชินจูกุเป็นเมืองแห่งแฟชั่นแท้ๆ
ทั้งที่ชั้นก็อยู่ที่นี่มาตั้ง 2ปีแล้วแท้ๆ
ทำไมชั้นถึงยังใส่เสื้อตัวเก่าๆ การเกงยีนสืตัวเก่าๆ  และรองเท้าผ้าใบคู่เก่าๆที่ใส่มาตั้งแต่ม.ปลายอยุ่นะ

มองดูภาพของตัวเองที่สะท้อนจากหน้าต่างของรถไฟที่กำลังแล่นไป
ดูไม่ได้ซะเลยจริงๆนะเนี่ย
จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่กัน?

อยากจะทิ้งตัวตนคนเก่าที่เคยจมปลักกับความอกหัก แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ต้องเริ่มจากการเปลียนแปลงตัวเองนี่แหละ

เริ่มจากการดูๆว่าตอนนี้แฟชั่นแบบไหนกำลังมา
เริ่มไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆใส่
บางคร้ง พอเห็นร้านเสื้อผ้ามีคนต่อคิวกันยาวๆ ก็แอบคิดว่า .. อ๊า ร้านนั้นก็น่าจะดีนะ  แล้วก็ไปต่อแถวบ้าง
เหมือนกับการเล่นเกมส์ ที่คอยสะสมไอเทมจากร้านนั้นร้านนี้ไปเรื่อยๆ
พอได้ของที่อยากได้มาอยุ่ในมือ ก็จะเริ่มมองของชิ้นใหม่


แม้บางครั้งจะรุ้สึกขึ้นมาว่า ..
นี่มันจะทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปได้จริงๆหรือเปล่า?
มันไม่ใช่หรือเปล่านะ
บางทีก็ไม่สามารถละทิ้งความรู้สึกแง่ลบออกไปจากหัวได้เลย

แต่สุดท้ายตัวเองก็ต้องอยุ่กับตัวเองนั่นแหละ

เอาน่ะ จะผิดพลาดก็ช่างมันเถอะ
จนกว่าจะรู้สึกว่าพอแล้วกับเรื่องแบบนี้...
ไม่อยากจะยอมแพ้ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

กาคุโตะเริ่มแต่งตัวตามนิตยสารแฟชั่นต่างๆตั้งต่หัวจรดเท้า
พอได้ทำอะไรใหม่ๆแล้วก็รุ้สึกสนุกไปกับการแปลงร่างในแต่ละวัน

แต่ว่า เงินเดือนที่ทางบ้านส่งมาให้ก้มีจำกัด ไม่ได้ซื้อของแพงๆ ได้มากนัก
เลยต้องเลือกซื้อของบ้างเหมือนกัน
และขอ่งอย่างหนึ่งที่อยากได้มากที่สุด และยังไม่ได้มันมาก็คือ

รองเท้าผ้าใบของ GRAVIS รุ่น premium
สมัยนั้นอินเตอร์เน็ทยังไม่ได้แพร่หลาย ส่วนตัวเองก็ไม่รุ้หรอกว่าเป็นรองเท้าผ้าใบที่แพงแค่ไหน
รุ้แต่ว่า เป็นรองเท้าที่นิยมมากเป็นอันดับหนึ่งของวัยรุ่นสมัยนั้นเลยทีเดียว
ถ้าได้มาสะสมด้วย ก็จะรุ้สึกสมบูรณ์แบบสุดๆ

แต่ว่า ..

ไม่ว่าจะไปเดินตามหาซักกี่ร้านทั่วทั้งชินจูกุ ก็ไม่มีร้านไหนมีขายรุ่นนี้เลย
พอได้ยินพี่สาวที่ร้านเสื้อผ้าใกล้ๆโรงเรียนกวดวิชาบอกว่า

"มีเด็กที่จะขายรองเท้านั่นอยู่นะ รู้สึกว่าจะอยุ่โรงเรียนเดียวกับเธอเลย ฮิเดะคุงน่ะ รู้จักมั้ยล่ะ"

อ้อ.. คนที่ชอบแต่งตัวเท่ๆคนนั้นน่ะเอง  ถึงจะไม่ค่อยเห็นอยู่ในห้องเรียนก็เถอะ แต่เหมือนเพื่อนของเพื่อนจะเคยพูดถึงอยุ่นะ

"คิดว่า.. ถ้าแค่หน้าตาละก็ น่าจะรุ้จักครับ"

"ถ้าเป็นฮิเดะละก็ ชั้นว่าน่าจะมี GRAVIS  อยู่หลายคู่นะ รุ่น premium นี่ก็น่าจะมีเหมือนกัน เดี๋ยวชั้นลองถามให้ก็ได้"
" อ๊ะ งั้นผมฝากชื่อกับเบอร์โทรไว้นะครับ"

และสุดท้าย กาคุโตะก็ได้รองเท้า GRAVIS  รุ่น premium มาสมใจ

พอละ  เกิดความรู้สึกพอใจในตัวเองขึ้นมาทันที

ด้วยรองเท้าคู่นี้..แค่นี้ตัวชั้นก็รู้สึกเปลียนไปมากแล้วละ!
ความโศกเศร้าเสียใจจากการอกหักในครั้งนั้นได้เลือนหายไปหมดสิ้นแล้ว
คราวนี้ชั้นจะเอาจริงกับการสอบซะที

รุ้สึกมีไฟขึ้นมาเลย

กาคุโตะเริ่มโดดเรียนที่โรงเรียนกวดวิชา แล้วไปเรียนด้วยตัวเองที่บ้านในจ.ชิบะมากขึ้น 
ในเมื่อตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว 
ก็ไม่อยากยอมแพ้เรื่องการเรียนเช่นเดียวกัน 

ในช่วงฤดูร้อน..ตั้งแต่ได้เจอฮิเดะและได้คุยกันเรื่องรองเท้า กาคุโตะก็มีโอกาสได้คุยกับฮิเดะบ่อยขึ้น  เพราะเป็นพวกชอบดนตรีเหมือนๆกัน บางทีก็ชวนกันไปกินข้าวบ้าง ไปคุยกันเรื่องเพลงบ้าง เป็นความสัมพันธ์เล็กๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่นาน

"เมื่อก่อนชั้นเคยเขียนเพลงด้วยละ  สมัยม.ปลายน่ะ" กาคุโตะพูดขึ้น
"โอ้!เหมือนกันเลย ชั้นเคยเล่นวงตอนม.ปลายด้วย  ตอนแรกๆก็กีอบเพลงของคนอื่นมาเล่นแหละนะ แต่พอหลังๆก็เริ่มแต่งเพลงเองบ้างเหมือนกัน พี่ชายชั้นก็เล่นวงเวอร์ชวลเคย์อยู่ในโตกียวนี่แหละ"

ฮิเดะส่งเพลงจาก MD player ให้กาคุโตะได้ฟัง แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ

" เนี่ย เพลงวง CHILD ของพี่ชายชั้นเอง"
" เอ๋... เสียงกีตาร์นี่สุดยอดเลย"
"ใช่มั้ยล่ะ!!"

ในวันหนึ่งกลางฤดุร้อน ฮิเดะก็ชวนนาวีไปดูไลฟ์ของวง CHILD ของพี่ชายตัวเอง
"พี่ชั้นจะจัดไลฟ์ที่นี่  ชั้นได้ตั๋วมาด้วย นายสนใจไปดูมั้ยล่ะ"
"เอ๋  ได้เหรอ  ไปสิๆ"

ในไลฟ์เฮ้าส์มีทั้งฮิเดะและนาวี พุดแต่คำว่า สุดยอดๆๆ ออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง 
และนาวีก็กลายเป็นแฟนของ จิน แห่งวง CHILD ไปด้วยในตอนนั้น

แต่พอย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วง ทั้งคู่ก็ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยมากนัก
กาคุโตะ หรือ นาวี เริ่มเรียนด้วยตัวเองที่บ้านมากขึ้น และจริงจังกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบในฤดุใบไม้ผลิหน้า
ส่วนฮิเดะก็เริ่มทำงานพิเศษที่ร้านเสื้อผ้าอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนที่่เหมือนจะอยุ่คนละโลกในตอนนั้น
ได้มาเจอกันใหม่อีกครั้งราวกับปฏิหาริย์ ในการสอบเข้าคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในโคริยาม่า

อนาคตจะเป็นยังไงต่อไป ก็ยังไม่มีใครรู้

..
.
"ถ้าได้เจอกันใหม่อีกครั้งในมหาลัยก็คงดีนะ"

กาคุโตะได้แต่คิดในใจในระหว่างที่นั่งอยุ่บนชินกันเซ็นกลับโตเกียว









Sorette kiseki -บทที่ 3.6 การพบกันของฮิเดะและนาวี Sorette kiseki -บทที่ 3.6 การพบกันของฮิเดะและนาวี Reviewed by ITadmin on 14:09:00 Rating: 5

No comments: