GReeeeN คือ??

บทเพลงของหมอพันอารมณ์ดี ดนตรี Feel Good!

Sorette kiseki -บทที่ 3.9 รอยแผลจากการผ่าตัด

บทที่ 3.9

 รอยแผลจากการผ่าตัด




ชิบาตะ กาคุโตะ เกิดที่เมืองเซ็นได  จ. มิยางิ
แรกเริ่มเดิมที  ครอบครัวของคุณแม่เปิดหอพักนักศึกษาอยู่ที่เมืองเซ็นได แล้ววันหนึ่งคุณพ่อ ..ซึ่งตอนนั้นเป็นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยใกล้ๆ ก็ได้เข้ามาเช่าห้องพักอยู่

สุดท้ายก็ได้ตกหลุมรักกับคุณแม่ที่เป็นลูกสาวเจ้าของหอพัก จนได้แต่งงานกันตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นนักศึกษากันอยู่ 

พอเรียนมหาวิทยาลัยจบ คุณแม่ได้เข้าทำงานที่ธนาคาร ในขณะที่คุณพ่อยังคงเรียนเป็นนักศึกษาแพทย์ (ต้องเรียน 6 ปี)   หลังจากแต่งงาน ต่างคนต่างประคับประคองกันมา จนคุณแม่ได้คลอดลูกคนแรกเป็นผู้หญิง  และหลังจากนั้นอีกสามปี  ก็ได้คลอดลูกคนที่สองเป็นเด็กผู้ชาย

และเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือ  ชิบาตะ กาคุโตะ

ตอนที่กาคุโตะเพิ่งเกิดได้ไม่นาน  คุณพ่อต้องย้ายไปทำงานที่โรงพยาบาลนั้น โรงพยาบาลนี้อยู่เรื่อยๆ  
พอต้องย้ายไปอยู่คนเดียวบ่อยๆก็รู้สึกเหงาและคิดถึงลูกๆ เลยคิดขึ้นมาว่า ควรจะหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งซะที  สุดท้ายก็ได้ตัดสินใจว่าจะย้ายไปทำงานที่โรงพยาบาลในบ้านเกิดของตัวเอง, จ. ชิบะ 

ตอนที่กาคุโตะอายุประมาณห้าขวบ ครอบครัวชิบาตะทั้ง 4 คนก็ได้เริ่มมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาที่จ. ชิบะนั่นเอง

แต่ว่า .. พอเวลาผ่านไปเพียงแค่ครึ่งปี คุณพ่อก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการศูนย์ผ่าตัดสมองที่เพิ่งเปิดใหม่ที่ จ.เซ็นได กาคุโตะก็ต้องย้ายบ้านตามคุณพ่อไปอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งด้วยงานของคุณพ่อที่ต้องย้ายไปย้ายมา  ทำให้กาคุโตะต้องย้ายโรงเรียนบ่อยมาก  บางครั้งถึงขนาดที่ไปเรียนเทอมแรกที่โรงเรียนในโมริโอกะ จ. อิวาเตะ  พอเข้าเทอมสองก็กลับมาเรียนที่เซ็นได จ.มิยางิ

ตอนแรกๆ อาจารย์ประจำชั้นก็พูดชมว่า "กาคุโตะคุงเป็นเด็กที่เข้ากับเพื่อนใหม่ๆได้ง่ายจังเลยนะคะ"  
แต่พอเวลาผ่านไปๆ หลังจากที่ต้องย้ายโรงเรียน และพบเจอเพื่อนใหม่ๆหลายต่อหลายครั้ง เขาก็เกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

จะสนิทกับคนอื่นซักแค่ไหน เดี๋ยวก็ต้องจากกันอยู่ดี

เพื่อที่จะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้คนมากนัก  กาคุโตะจึงมักจะเลือกปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองไว้ แล้วทำตัวเป็นเด็กนักเรียนใหม่ที่ไม่ได้สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ ไม่ทำตัวเด่นในห้องเรียน  ไม่ทำตัวให้เป็นที่น่าจดจำ แม้ครูถามคำถามในห้องเรียน ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ก็จะไม่ยกมือขึ้นตอบ

และสุดท้ายก็กลายเป็นว่า  เขาก็กลายเป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ยากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

แต่ก็ใช่ว่า การย้ายโรงเรียนบ่อยๆ จะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเข้ากับคนอื่นยากซะทีเดียว
ที่จริงยังมีอีกเหตุผลนึง

นั่นก็คือเพราะเขามีโรคประจำตัวที่เป็นมาตั้งแต่เกิด .....
"โรคหัวใจ" 
..
.

ตอนอายุสามขวบ หมอก็พบว่ากาคุโตะกล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง   ไม่สามารถจะออกกำลังกายหนักๆ หรือไปวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานแบบเด็กคนอื่นได้  

พอออกไปวิ่งเล่นข้างนอกไม่ได้   พ่อและคุณแม่จึงได้ซื้อเปียโนให้หลังหนึ่ง ไว้เล่นยามเหงา  ซึ่งสำหรับกาคุโตะแล้ว  นั่นเป็นความบันเทิงเพียงอย่างเดียวที่ทำแล้วรู้สึก สนุก ไปกับมันได้
ในตอนนั้น  พี่สาวของกาคุโตะที่อยู่ชั้นประถม  ได้เข้าเรียนเปียโนที่โรงเรียนแถวๆบ้าน กาคุโตะก็เลยได้เข้าไปเรียนด้วยที่โรงเรียนเดียวกัน

พอขึ้น ม.ต้น  พี่สาวของกาคุโตะก็เลิิกเล่นเปียโนไป เหลือแต่กาุคุโตะคนเดียวที่ยังคงพยายามต่อ
เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่เขารู้สึกว่าตัวเองยังทำได้

พอกาคุโตะขึ้นชั้นประถม อาการโรคหัวใจก็เริ่มแย่ขึ้น  ถึงเวลาที่ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในคืนวันก่อนผ่าตัด  คุณแม่บอกกับกาคุโตะว่า

"ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวผ่าตัดเสร็จก็หายดีแล้วนะ"
"ผม.. จะไม่ได้เล่นเปียโนอีกแล้วเหรอ"
" ไม่หรอกจ้ะ ผ่าตัดเสร็จต้องกลับมาเล่นได้แน่นอน  คุณหมอคนนี้เก่งมาก ดังนั้นสบายใจได้เลยนะจ๊ะ"

สำหรับกาคุโตะ เปียโนเป็นเหมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเพื่อนที่รู้ใจ เป็นทุกๆอย่างในตอนนั้น
ก่อนหน้าวันผ่าตัด เขาแทบจะอยู่ไม่ห่างจากเปียโนเลย

การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แต่บาดแผลที่เกิดจากการผ่าตัดนั้นยังคงหลงเหลือเป็นทางยาวบนหน้าอก
รอยแผลน่ากลัวแบบนี้ ไม่อยากให้ใครเห็นเลย..
ทุกครั้งที่มองรอยแผลที่น่ากลัวแบบนั้น ก็อดจะคิดไม่ได้ว่า
ตัวเองช่างแตกต่างจากคนอื่นๆซะจริง

เด็กคนอื่นได้วิ่งเล่น ได้วาดฝันว่าจะโตขึ้นไปเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้
แต่สำหรับตัวเองแล้ว ความตายมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง

ตอนที่นอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ได้รับรู้ถึงคำว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
คนที่นอนอยู่บนเตียงเมื่อวาน อยู่ดีๆวันนี้ก็หายไป แล้วก็มีคนใหม่มาแทนที่
หายแล้วเหรอ ? ตายแล้วเหรอ? เป็นคำถามที่คิดอยู่ในใจทุกครั้งที่เห็นภาพเตียงที่ว่างเปล่า

พอออกจากโรงพยาบาล  กาคุโตะก็ใช้เวลาอยุ่กับเปียโนมากขึ้น
ในเมื่อวันนี้ยังเล่นเปียโนได้... ก็อยากจะเล่นให้มากที่สุด

แต่ว่า.. ถึงจะอยากเล่นแค่ไหน ..ที่บ้านก็จะมีเวลาให้เล่นเปียโนอย่างจำกัด
เพราะถ้าดึกเกินไปก็อาจจะรบกวนคนอื่นได้  ซึ่งกาคุโตะในก็เข้าใจในจุดนั้น

ตอนที่อายุครบ 8 ขวบ  คุณพ่อคุณแม่ก็ซื้อเปียโนไฟฟ้าพร้อมหูฟังแบบเฮดโฟนให้เป็นของขวัญวันเกิด

" กั๊ตจัง .. ถ้ามีหูฟังอันนี้นะ จะดึกแค่ไหน หรือจะเช้าแค่ไหน ก็เล่นเปียโนได้โดยไม่รบกวนใครๆเลยละ"
"เอ๋.. จริงเหรอครับ"
" ใช่จ้ะ  พอใส่หูฟังแบบนี้นะ  แล้วกดแป้นคีย์บอร์ด  ทั้งโลกนี้ก็จะมีแต่กั๊ตจังที่ได้ยินเสียงเปียโนละ"
" ว้าว  สุดยอดๆๆ"

กาคุโตะเพลิดเพลินไปกับการเล่นเปียโนไฟฟ้าทั้งวันทั้งคืน  ไม่ว่าจะเป็นเพลงคลาสสิค  เพลงอนิเมที่ชอบๆ หรือเพลงดนตรีทั่วๆไป  เขาก็เล่นได้ไม่มีเบื่อ  ทันทีที่ได้ยินเสียงเพลงใหม่ๆ เขาก็จะเอามาแกะเป็นเสียงเปียโน บางครั้งก็เอามาปรับแต่งคีย์ใหม่ให้กลายเป็นสไตล์ของตัวเอง

การได้สร้างเสียงเพลงใหม่ๆ ก็คือความสนุกในการเล่นเปียโนของเขานั่นเอง

จากการเล่นเพลง แกะเพลงหลายๆเพลง ทำให้กาคุโตะเริ่มเขียนโน๊ตเพลงได้บ้าง  บางครั้งก็แต่งทำนองเพลงเองไปด้วย คนที่เดินผ่านไปผ่านมา อาจจะได้ยินแค่เสียงก๊อกๆแก๊กๆ เมื่อกดคีย์บอร์ด  แต่สำหรับกาคุโตะนั้น เสียงที่ได้ยินจากหูฟัง มันเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะสุดๆไปเลย

กลางดึกคืนหนึ่ง กาคุโตะตื่นขึ้นมาดื่มน้ำกลางดึก แล้วก็ได้ยินเสียง ก๊อกๆแก๊กๆ ของคีย์บอร์ดเปียโน พอชะโงกหน้าไปดูก็เห็นคุณแม่กำลังใส่เฮดโฟนเล่นเปียโนไฟฟ้าอยู่ .. ถึงจะไม่ได้ยินเสียงเพลง แต่พอมองจากปลายนิ้วที่กดแป้นคีย์บอร์ด  เขาก็พอจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเสียงเพลงที่เล่นออกมา

เป็นความไม่สบายใจ กังวลใจ ..
อา.. คุณแม่คงจะไม่สบายใจเรื่องอาการป่วยของผมเหมือนกันสินะ
กาคุโตะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคุณแม่ผ่านทางคีย์บอร์ดเปียโนนั่นเอง

ในครอบครัวชิบาตะ ทั้งคุณแม่ พี่สาว ต่างก็สามารถเล่นเปียโนได้ทุกคน เรียกได้ว่า เจ้าเปียโนไฟฟ้าเครื่องนั้น มีคนวนเวียนมาเล่นเกือบจะตลอดเวลา
บางสิ่งที่ไม่สามารถพูดให้คนอื่นฟังได้ ก็จะบรรเลงออกมาเป็นเสียงเปียโนเพื่อระบายความในใจออกมาและสมาชิกในบ้านคนอื่นๆก็จะรับรู้ได้จากเสียงก๊อกๆแก๊กๆนั่นเอง

กาคุโตะเองก็เหมือนกัน  เวลาที่รู้สึก เหงา หรือรู้สึกว่าโลกนี้มันมืดมิด มองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ  พอได้เล่นเปียโนเท่านั้น แค่ได้ฟังเพลงเพราะๆ ก็รู้สึกว่าโลกนี้ดูสดใส ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

ดนตรีนี่สุดยอดไปเลยจริงๆ


พอขึ้นชั้นมัธยม  กาคุโตะกลับมาอยู่ที่ชิบะอีกครั้ง  และต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดครั้งใหญ่เพื่อเปลี่ยนหัวใจที่ได้จากการบริจาค
การผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี ในวันที่คุณหมอบอกว่า ต่อไปนี้สามารถใช้ชีวิตแบบปกติแบบคนอื่นๆได้แล้วนั้น เขาแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

" ไม่เป็นไรแล้วนะ จากนี้ไปเธอก็สามารถวิ่งเล่นได้เหมือนเพื่อนคนอื่นๆแล้วละ "
" เอ๋.. นี่ผมหายเป็นปกติแล้วเหรอครับ
" ใช่ครับ ต่อไปนี้จะขึ้นลงบันไดสถานีรถไฟ หรือจะเดินขึ้นเนิน  หรือจะออกกำลังกายในวิชาพละ ก็ทำเหมือนคนอื่นๆได้เลยนะ"

 ถึงการผ่าตัดครั้งนี้จะหลงเหลือรอยแผลที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่กาคุโตะกลับไม่ได้กังวลอะไรมากเหมือนเมื่อก่อน  อาจจะเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นก็เป็นได้

หลังจากที่เข้าเรียนชั้นม.ต้น พร้อมสภาพร่างกายที่แข็งแรงเหมือนคนปกติ พร้อมๆกับชั่วโมงเรียนพิเศษเปียโนที่เพิ่งจบคอร์สไป  กาคุโตะก็ไม่ค่อยได้สนใจเปียโนเหมือนเมื่อก่อน  เพราะได้รู้จักกับดนตรีแนวใหม่ ที่เป็นเหมือนสิ่งที่เข้ามาเปิดโลกใบใหม่ของเขาให้กว้างขึ้น

นั่นก็คือวง B'Z



การได้รู้จักกับวง B'Z สำหรับกาคุโตะแล้วเหมือนกับการติดสปริงให้กับรองเท้าที่ก้าวเดินแต่ละวัน ท่วงทำนองแต่ละเพลงของ B'Z แค่เพียงได้ฟังก็ยิ้มได้โดยไม่รู้ตัว  จังหวะเพลงที่สนุกสนาน ฟังแล้วเหมือนล่องล่อยไปในอากาศโดยปราศจากแรงโน้มถ่วง  ถ้าไม่นับตอนนอน เรียกได้ว่ากาคุโตะฟังเพลงของ B'Z แทบจะทั้งวันทั้งคืนจนสามารถจดจำทำนองและเนื้อเพลงได้ทุกๆเพลง โดยเฉพาะเสียงกีตาร์ของมัตซึโมโตะ ทาคาฮิโระซังนั้น เป็นอะไรที่จับใจที่สุด

พอการสอบปลายภาคชั้นม. 1 จบลง  กาคุโตะก็เริ่มฟังเพลงวงอื่นนอกจาก B'Z และก็เริ่มติดใจเพลงของวง BOOWY เพิ่มอีกวงนึง



เล่นดนตรีเป็นวงนี่ดีจังเลยน๊า
ในโลกของดนตรีเนี่ย ได้เล่นดนตรีเป็นวงได้ เท่ที่สุดแล้ววว
คนเล่นกีตาร์ได้เนี่ยเท่ห์สุดๆไปเลย  วู้ววว
โห เพลงนี้คนตีกลองก็ดี เพลงนั้นมือคีย์บอร์ดเจ๋งสุดๆ
แต่ละคน แต่ละเครื่องดนตรี พอเอามารวมเป็นวงแล้วสามารถสร้างเพลงแบบนี้ได้มากมายแบบนี้ สุดยอดมากๆ

ความคิดของกาคุโตะวนเวียนไปๆมาๆ ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงวงนั้นวงนี้  ก็จะคิดตลอดว่า อยากเล่นดนตรีเป็นวงบ้างจังเลย

"กาคุโตะ นายเล่นเปียโนได้ใช่ปะ"

" อื้ม.. ใช่ ได้นิดหน่อยนะ"

" น่าจะใช้ได้นะ  นายสนใจมาเล่นคีย์บอร์ดให้วงเรามั้ย"

ด้วยคำชักชวนของเพื่อนร่วมห้องที่ชื่นชอบวง BOOWY เหมือนกัน เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กาคุโตะได้ก้าวเข้ามาในโลกของวงดนตรีที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น

หลังจากเข้าร่วมวงในฐานะมือคีย์บอร์ด  ได้ซ้อมกับเพื่อนๆหลายเพลงมากขึ้น
กาคุโตะก็เริ่มคิดว่า..
"..คนเล่นกีตาร์เป็นนี่เท่จังน๊า...."
" เอาละ  หลังจากจบม.ต้น ไปเล่นกีตาร์บ้างดีกว่า!!!"

หลังจากฝึกซ้อมกันได้ไม่กี่ครั้ง วงของกาคุโตะและเพื่อนๆก็ได้ขึ้นแสดงที่งานโรงเรียนปีละครั้ง

การที่ได้ไปเช่าสตูดิโอฝึกซ้อมด้วยกันกับเพื่อนๆ
ได้พูดคุยกันเรื่องดนตรีอย่างสนุกสนานจนลืมเวลาแบบนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า

ดีจริงๆที่ได้เล่นเปียโน
ดีจริิงๆที่ได้รู้จักกับ B'Z และ BOOWY
ดีจริงๆที่ได้มาร่วมวงกับเพื่อนๆในตอนนี้

อา.. อยากจะเล่นดนตรีตลอดไปจังเลย..

พอขึ้นม.ปลายปี 1 กาคุโตะก็เข้าชมรมว่ายน้ำ
ด้วยความรู้สึกที่อยากจะหลุดพ้นจากความกลัวการออกกำลังกาย  ไม่อยากจะวิ่งหนีอีกแล้ว..
อยากจะเชื่อมั่นว่า  มีร่างกายที่แข็งแรงเป็นปกติแล้วจริงๆ

" ต้องไม่เป็นไรน่า" ด้วยคำที่คุณแม่พูดมา ทำให้เขาตัดสินใจเข้าชมรมว่ายน้ำในทันที

นอกจากนั้น ก็ไม่ลืมที่จะหัดเล่นกีตาร์ตามที่ได้คิดไว้

" ต้องเล่นให้เป็นให้ได้สิน่า.."

กาคุโตะมีความรู้สึกอยากจะท้าทายความสามารถของตัวเองให้มากขึ้นไปอีก  และการเล่นกีตาร์ได้มันก็ดูเท่ห์ดีไม่ใช่น้อย  จากคนที่เล่นแต่เปียโนมาเป็นสิบปี เขาก็เริ่มจับกีตาร์เป็นครั้งแรก

เริ่มจากพื้นฐานของพื้นฐานก่อน จากนั้นก็เริ่มไปปรึกษาเพื่อนๆในวง และได้รับคำแนะนำเรื่องเทคนิคแบบมือโปรมาบ้าง ด้วยความที่มีพื้นฐานทางเปียโนมาก่อน ทำให้เขาสามารถจดจำเสียงต่างๆได้ดี และเล่นกีตาร์เป็นได้อย่างรวดเร็ว

พอเริ่มเล่นกีตาร์ได้  เขาก็เริ่มสนุกกับการลองเล่นเครื่องดนตรีอื่นๆมากขึ้น  สุดท้ายก็ลาออกจากชมรมว่ายน้ำ แล้วก็มาเข้าชมรมดนตรีไปจนได้

ที่ชมรมดนตรีมีเครื่องเล่นดนตรีให้ลองเล่นมากมาย แล้วยังสามารถใช้เวลาหลังเลิกเรียนมาเล่นนานเท่าไหร่ก็ได้ที่ต้องการอีกด้วย

หลังจากที่เล่นกีตาร์ได้  เขาก็ได้ลองเล่น กีตาร์ไฟฟ้า, เบส, กลอง วนไปวนมา จนกลับบ้านมืดๆแทบทุกวัน

ชมรมดนตรีมีสมาชิกทั้งหญิงและชายรวมกันประมาณสามสิบคน และทุกคนก็สนิทกันดีมาก
สำหรับกาคุโตะแล้ว  .. ห้องชมรม ก็เป็นเหมือนแหล่งพักใจอีกที่นึงเลยทีเดียว

หลังจากเลิกเรียน เมื่อไปถึงห้องชมรม  ทุกคนก็จะแบ่งกลุ่มกันฝึกซ้อม โดยไม่ได้กำหนดตายตัวว่าใครจะต้องอยู่กับใคร  แต่จะใช้วิธีแบ่งกลุ่มตามเพลงที่ได้รับมอบหมายมามากกว่า   ถ้าเป็นเพลงนี้ละก็  ให้คนนี้กับคนนี้เล่นตรงนี้นะ  อะไรประมาณนี้ 

คนที่มีผลการซ้อมดี นอกจากจะได้เล่นวงโชว์ตัวในงานโรงเรียนแล้ว ยังมีอีกหลายๆคนที่ได้ไปเล่นในไลฟ์เฮาส์ชื่อดังในจ.ชิบะอีกด้วย


วันหนึ่ง ในขณะที่กาคุโตะกำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องชมรม ..
รุ่นพี่คนหนึ่งที่ทำผมทรงร็อคสตาร์ ก็ได้พูดกับเขาว่า

" มาเล่นกีตาร์ให้วงพี่มั้ย "
" เอ๊ะ!? ผมเหรอครับ"
" นายน่ะ เล่นกีตาร์สไตล์ มัตซึโมโตะ ทาคาฮิโระ แห่งวง B'Z ได้ใช่มั้ยล่ะ"
" เอ้อ.. ก็... ไม่ถึงขนาดนั้นครับพี่"
" ไม่ต้องมาถ่อมตัวน่า สนใจมั้ยล่ะ"

ถึงจะพูดถ่อมตัวไป .. แต่สำหรับกาคุโตะแล้ว ก็รู้สึกดีใจเป็นที่สุดที่รุ่นพี่ได้ชวนเข้าวง

หลังจากที่เข้าร่วมวงกับรุ่นพี่ในฐานะมือกีตาร์  เขาก็ได้ไปขึ้นแสดงในไลฟ์เฮ้าอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพลงไหน ของวงไหน ถ้าขอมาก็ยินดีจะจัดให้ นอกจากเพลงของ B'Z กับ BOOWY เขายังฝึกเล่นเพลงของวงดังๆอื่นๆอย่างเช่น Lunar Sea, JUDY and MARY, Mr. Children อีกด้วย

ไม่นาน เขาก็กลายเป็นนักกีตาร์มือหนึ่งประจำชมรมไปแล้ว..
ในตอนนี้ เขามีความรู้สึกแรงกล้าที่อยากจะก้าวข้ามผ่านดนตรีในห้องชมรมเล็กๆนี้ แล้วสร้างร็อคแบนด์ของตัวเองแบบจริงๆจังๆเลยทีเดียว

" นายนี่มันสุดยอดไปเลยว่ะ "

มีเพื่อนในชมรมที่พูดคำนี้บ่อยๆกับกาคุโตะ
เขาคนนั้นคือเพื่อนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตกาคุโตะหลายๆอย่าง
พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า  ตั้งแต่เกิดมา เพื่อนคนนี้คือเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตที่เฝ้ารอมานาน

ชื่อของเพื่อนคนนั้นก็คือ

"มิอุระ"












Sorette kiseki -บทที่ 3.9 รอยแผลจากการผ่าตัด Sorette kiseki -บทที่ 3.9 รอยแผลจากการผ่าตัด Reviewed by ITadmin on 07:49:00 Rating: 5

No comments: