บทที่ 3.9
รอยแผลจากการผ่าตัด
ชิบาตะ กาคุโตะ เกิดที่เมืองเซ็นได จ. มิยางิ
แรกเริ่มเดิมที ครอบครัวของคุณแม่เปิดหอพักนักศึกษาอยู่ที่เมืองเซ็นได แล้ววันหนึ่งคุณพ่อ ..ซึ่งตอนนั้นเป็นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยใกล้ๆ ก็ได้เข้ามาเช่าห้องพักอยู่
สุดท้ายก็ได้ตกหลุมรักกับคุณแม่ที่เป็นลูกสาวเจ้าของหอพัก จนได้แต่งงานกันตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นนักศึกษากันอยู่
สุดท้ายก็ได้ตกหลุมรักกับคุณแม่ที่เป็นลูกสาวเจ้าของหอพัก จนได้แต่งงานกันตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นนักศึกษากันอยู่
พอเรียนมหาวิทยาลัยจบ คุณแม่ได้เข้าทำงานที่ธนาคาร ในขณะที่คุณพ่อยังคงเรียนเป็นนักศึกษาแพทย์ (ต้องเรียน 6 ปี) หลังจากแต่งงาน ต่างคนต่างประคับประคองกันมา จนคุณแม่ได้คลอดลูกคนแรกเป็นผู้หญิง และหลังจากนั้นอีกสามปี ก็ได้คลอดลูกคนที่สองเป็นเด็กผู้ชาย
และเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือ ชิบาตะ กาคุโตะ
ตอนที่กาคุโตะเพิ่งเกิดได้ไม่นาน คุณพ่อต้องย้ายไปทำงานที่โรงพยาบาลนั้น โรงพยาบาลนี้อยู่เรื่อยๆ
พอต้องย้ายไปอยู่คนเดียวบ่อยๆก็รู้สึกเหงาและคิดถึงลูกๆ เลยคิดขึ้นมาว่า ควรจะหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งซะที สุดท้ายก็ได้ตัดสินใจว่าจะย้ายไปทำงานที่โรงพยาบาลในบ้านเกิดของตัวเอง, จ. ชิบะ
ตอนที่กาคุโตะอายุประมาณห้าขวบ ครอบครัวชิบาตะทั้ง 4 คนก็ได้เริ่มมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาที่จ. ชิบะนั่นเอง
แต่ว่า .. พอเวลาผ่านไปเพียงแค่ครึ่งปี คุณพ่อก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการศูนย์ผ่าตัดสมองที่เพิ่งเปิดใหม่ที่ จ.เซ็นได กาคุโตะก็ต้องย้ายบ้านตามคุณพ่อไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งด้วยงานของคุณพ่อที่ต้องย้ายไปย้ายมา ทำให้กาคุโตะต้องย้ายโรงเรียนบ่อยมาก บางครั้งถึงขนาดที่ไปเรียนเทอมแรกที่โรงเรียนในโมริโอกะ จ. อิวาเตะ พอเข้าเทอมสองก็กลับมาเรียนที่เซ็นได จ.มิยางิ
ตอนแรกๆ อาจารย์ประจำชั้นก็พูดชมว่า "กาคุโตะคุงเป็นเด็กที่เข้ากับเพื่อนใหม่ๆได้ง่ายจังเลยนะคะ"
แต่พอเวลาผ่านไปๆ หลังจากที่ต้องย้ายโรงเรียน และพบเจอเพื่อนใหม่ๆหลายต่อหลายครั้ง เขาก็เกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
จะสนิทกับคนอื่นซักแค่ไหน เดี๋ยวก็ต้องจากกันอยู่ดี
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้คนมากนัก กาคุโตะจึงมักจะเลือกปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองไว้ แล้วทำตัวเป็นเด็กนักเรียนใหม่ที่ไม่ได้สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ ไม่ทำตัวเด่นในห้องเรียน ไม่ทำตัวให้เป็นที่น่าจดจำ แม้ครูถามคำถามในห้องเรียน ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ก็จะไม่ยกมือขึ้นตอบ
และสุดท้ายก็กลายเป็นว่า เขาก็กลายเป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ยากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แต่ก็ใช่ว่า การย้ายโรงเรียนบ่อยๆ จะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเข้ากับคนอื่นยากซะทีเดียว
ที่จริงยังมีอีกเหตุผลนึง
นั่นก็คือเพราะเขามีโรคประจำตัวที่เป็นมาตั้งแต่เกิด .....
"โรคหัวใจ"
นั่นก็คือเพราะเขามีโรคประจำตัวที่เป็นมาตั้งแต่เกิด .....
"โรคหัวใจ"
..
.
ตอนอายุสามขวบ หมอก็พบว่ากาคุโตะกล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง ไม่สามารถจะออกกำลังกายหนักๆ หรือไปวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานแบบเด็กคนอื่นได้
พอออกไปวิ่งเล่นข้างนอกไม่ได้ พ่อและคุณแม่จึงได้ซื้อเปียโนให้หลังหนึ่ง ไว้เล่นยามเหงา ซึ่งสำหรับกาคุโตะแล้ว นั่นเป็นความบันเทิงเพียงอย่างเดียวที่ทำแล้วรู้สึก สนุก ไปกับมันได้
ในตอนนั้น พี่สาวของกาคุโตะที่อยู่ชั้นประถม ได้เข้าเรียนเปียโนที่โรงเรียนแถวๆบ้าน กาคุโตะก็เลยได้เข้าไปเรียนด้วยที่โรงเรียนเดียวกัน
พอขึ้น ม.ต้น พี่สาวของกาคุโตะก็เลิิกเล่นเปียโนไป เหลือแต่กาุคุโตะคนเดียวที่ยังคงพยายามต่อ
เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่เขารู้สึกว่าตัวเองยังทำได้
พอขึ้น ม.ต้น พี่สาวของกาคุโตะก็เลิิกเล่นเปียโนไป เหลือแต่กาุคุโตะคนเดียวที่ยังคงพยายามต่อ
เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่เขารู้สึกว่าตัวเองยังทำได้
พอกาคุโตะขึ้นชั้นประถม อาการโรคหัวใจก็เริ่มแย่ขึ้น ถึงเวลาที่ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในคืนวันก่อนผ่าตัด คุณแม่บอกกับกาคุโตะว่า
"ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวผ่าตัดเสร็จก็หายดีแล้วนะ"
"ผม.. จะไม่ได้เล่นเปียโนอีกแล้วเหรอ"
" ไม่หรอกจ้ะ ผ่าตัดเสร็จต้องกลับมาเล่นได้แน่นอน คุณหมอคนนี้เก่งมาก ดังนั้นสบายใจได้เลยนะจ๊ะ"
สำหรับกาคุโตะ เปียโนเป็นเหมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเพื่อนที่รู้ใจ เป็นทุกๆอย่างในตอนนั้น
ก่อนหน้าวันผ่าตัด เขาแทบจะอยู่ไม่ห่างจากเปียโนเลย
การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แต่บาดแผลที่เกิดจากการผ่าตัดนั้นยังคงหลงเหลือเป็นทางยาวบนหน้าอก
รอยแผลน่ากลัวแบบนี้ ไม่อยากให้ใครเห็นเลย..
ทุกครั้งที่มองรอยแผลที่น่ากลัวแบบนั้น ก็อดจะคิดไม่ได้ว่า
ตัวเองช่างแตกต่างจากคนอื่นๆซะจริง
เด็กคนอื่นได้วิ่งเล่น ได้วาดฝันว่าจะโตขึ้นไปเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้
แต่สำหรับตัวเองแล้ว ความตายมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง
ตอนที่นอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ได้รับรู้ถึงคำว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
คนที่นอนอยู่บนเตียงเมื่อวาน อยู่ดีๆวันนี้ก็หายไป แล้วก็มีคนใหม่มาแทนที่
หายแล้วเหรอ ? ตายแล้วเหรอ? เป็นคำถามที่คิดอยู่ในใจทุกครั้งที่เห็นภาพเตียงที่ว่างเปล่า
พอออกจากโรงพยาบาล กาคุโตะก็ใช้เวลาอยุ่กับเปียโนมากขึ้น
ในเมื่อวันนี้ยังเล่นเปียโนได้... ก็อยากจะเล่นให้มากที่สุด
แต่ว่า.. ถึงจะอยากเล่นแค่ไหน ..ที่บ้านก็จะมีเวลาให้เล่นเปียโนอย่างจำกัด
เพราะถ้าดึกเกินไปก็อาจจะรบกวนคนอื่นได้ ซึ่งกาคุโตะในก็เข้าใจในจุดนั้น
ตอนที่อายุครบ 8 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ก็ซื้อเปียโนไฟฟ้าพร้อมหูฟังแบบเฮดโฟนให้เป็นของขวัญวันเกิด
" กั๊ตจัง .. ถ้ามีหูฟังอันนี้นะ จะดึกแค่ไหน หรือจะเช้าแค่ไหน ก็เล่นเปียโนได้โดยไม่รบกวนใครๆเลยละ"
"เอ๋.. จริงเหรอครับ"
" ใช่จ้ะ พอใส่หูฟังแบบนี้นะ แล้วกดแป้นคีย์บอร์ด ทั้งโลกนี้ก็จะมีแต่กั๊ตจังที่ได้ยินเสียงเปียโนละ"
" ว้าว สุดยอดๆๆ"
กาคุโตะเพลิดเพลินไปกับการเล่นเปียโนไฟฟ้าทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นเพลงคลาสสิค เพลงอนิเมที่ชอบๆ หรือเพลงดนตรีทั่วๆไป เขาก็เล่นได้ไม่มีเบื่อ ทันทีที่ได้ยินเสียงเพลงใหม่ๆ เขาก็จะเอามาแกะเป็นเสียงเปียโน บางครั้งก็เอามาปรับแต่งคีย์ใหม่ให้กลายเป็นสไตล์ของตัวเอง
การได้สร้างเสียงเพลงใหม่ๆ ก็คือความสนุกในการเล่นเปียโนของเขานั่นเอง
จากการเล่นเพลง แกะเพลงหลายๆเพลง ทำให้กาคุโตะเริ่มเขียนโน๊ตเพลงได้บ้าง บางครั้งก็แต่งทำนองเพลงเองไปด้วย คนที่เดินผ่านไปผ่านมา อาจจะได้ยินแค่เสียงก๊อกๆแก๊กๆ เมื่อกดคีย์บอร์ด แต่สำหรับกาคุโตะนั้น เสียงที่ได้ยินจากหูฟัง มันเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะสุดๆไปเลย
กลางดึกคืนหนึ่ง กาคุโตะตื่นขึ้นมาดื่มน้ำกลางดึก แล้วก็ได้ยินเสียง ก๊อกๆแก๊กๆ ของคีย์บอร์ดเปียโน พอชะโงกหน้าไปดูก็เห็นคุณแม่กำลังใส่เฮดโฟนเล่นเปียโนไฟฟ้าอยู่ .. ถึงจะไม่ได้ยินเสียงเพลง แต่พอมองจากปลายนิ้วที่กดแป้นคีย์บอร์ด เขาก็พอจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเสียงเพลงที่เล่นออกมา
เป็นความไม่สบายใจ กังวลใจ ..
อา.. คุณแม่คงจะไม่สบายใจเรื่องอาการป่วยของผมเหมือนกันสินะ
กาคุโตะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคุณแม่ผ่านทางคีย์บอร์ดเปียโนนั่นเอง
ในครอบครัวชิบาตะ ทั้งคุณแม่ พี่สาว ต่างก็สามารถเล่นเปียโนได้ทุกคน เรียกได้ว่า เจ้าเปียโนไฟฟ้าเครื่องนั้น มีคนวนเวียนมาเล่นเกือบจะตลอดเวลา
บางสิ่งที่ไม่สามารถพูดให้คนอื่นฟังได้ ก็จะบรรเลงออกมาเป็นเสียงเปียโนเพื่อระบายความในใจออกมาและสมาชิกในบ้านคนอื่นๆก็จะรับรู้ได้จากเสียงก๊อกๆแก๊กๆนั่นเอง
กาคุโตะเองก็เหมือนกัน เวลาที่รู้สึก เหงา หรือรู้สึกว่าโลกนี้มันมืดมิด มองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ พอได้เล่นเปียโนเท่านั้น แค่ได้ฟังเพลงเพราะๆ ก็รู้สึกว่าโลกนี้ดูสดใส ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ดนตรีนี่สุดยอดไปเลยจริงๆ
พอขึ้นชั้นมัธยม กาคุโตะกลับมาอยู่ที่ชิบะอีกครั้ง และต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดครั้งใหญ่เพื่อเปลี่ยนหัวใจที่ได้จากการบริจาค
การผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี ในวันที่คุณหมอบอกว่า ต่อไปนี้สามารถใช้ชีวิตแบบปกติแบบคนอื่นๆได้แล้วนั้น เขาแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
" ไม่เป็นไรแล้วนะ จากนี้ไปเธอก็สามารถวิ่งเล่นได้เหมือนเพื่อนคนอื่นๆแล้วละ "
" เอ๋.. นี่ผมหายเป็นปกติแล้วเหรอครับ
" ใช่ครับ ต่อไปนี้จะขึ้นลงบันไดสถานีรถไฟ หรือจะเดินขึ้นเนิน หรือจะออกกำลังกายในวิชาพละ ก็ทำเหมือนคนอื่นๆได้เลยนะ"
ถึงการผ่าตัดครั้งนี้จะหลงเหลือรอยแผลที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่กาคุโตะกลับไม่ได้กังวลอะไรมากเหมือนเมื่อก่อน อาจจะเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นก็เป็นได้
หลังจากที่เข้าเรียนชั้นม.ต้น พร้อมสภาพร่างกายที่แข็งแรงเหมือนคนปกติ พร้อมๆกับชั่วโมงเรียนพิเศษเปียโนที่เพิ่งจบคอร์สไป กาคุโตะก็ไม่ค่อยได้สนใจเปียโนเหมือนเมื่อก่อน เพราะได้รู้จักกับดนตรีแนวใหม่ ที่เป็นเหมือนสิ่งที่เข้ามาเปิดโลกใบใหม่ของเขาให้กว้างขึ้น
นั่นก็คือวง B'Z
การได้รู้จักกับวง B'Z สำหรับกาคุโตะแล้วเหมือนกับการติดสปริงให้กับรองเท้าที่ก้าวเดินแต่ละวัน ท่วงทำนองแต่ละเพลงของ B'Z แค่เพียงได้ฟังก็ยิ้มได้โดยไม่รู้ตัว จังหวะเพลงที่สนุกสนาน ฟังแล้วเหมือนล่องล่อยไปในอากาศโดยปราศจากแรงโน้มถ่วง ถ้าไม่นับตอนนอน เรียกได้ว่ากาคุโตะฟังเพลงของ B'Z แทบจะทั้งวันทั้งคืนจนสามารถจดจำทำนองและเนื้อเพลงได้ทุกๆเพลง โดยเฉพาะเสียงกีตาร์ของมัตซึโมโตะ ทาคาฮิโระซังนั้น เป็นอะไรที่จับใจที่สุด
พอการสอบปลายภาคชั้นม. 1 จบลง กาคุโตะก็เริ่มฟังเพลงวงอื่นนอกจาก B'Z และก็เริ่มติดใจเพลงของวง BOOWY เพิ่มอีกวงนึง
สำหรับกาคุโตะ เปียโนเป็นเหมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเพื่อนที่รู้ใจ เป็นทุกๆอย่างในตอนนั้น
ก่อนหน้าวันผ่าตัด เขาแทบจะอยู่ไม่ห่างจากเปียโนเลย
การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แต่บาดแผลที่เกิดจากการผ่าตัดนั้นยังคงหลงเหลือเป็นทางยาวบนหน้าอก
รอยแผลน่ากลัวแบบนี้ ไม่อยากให้ใครเห็นเลย..
ทุกครั้งที่มองรอยแผลที่น่ากลัวแบบนั้น ก็อดจะคิดไม่ได้ว่า
ตัวเองช่างแตกต่างจากคนอื่นๆซะจริง
เด็กคนอื่นได้วิ่งเล่น ได้วาดฝันว่าจะโตขึ้นไปเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้
แต่สำหรับตัวเองแล้ว ความตายมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง
ตอนที่นอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ได้รับรู้ถึงคำว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
คนที่นอนอยู่บนเตียงเมื่อวาน อยู่ดีๆวันนี้ก็หายไป แล้วก็มีคนใหม่มาแทนที่
หายแล้วเหรอ ? ตายแล้วเหรอ? เป็นคำถามที่คิดอยู่ในใจทุกครั้งที่เห็นภาพเตียงที่ว่างเปล่า
พอออกจากโรงพยาบาล กาคุโตะก็ใช้เวลาอยุ่กับเปียโนมากขึ้น
ในเมื่อวันนี้ยังเล่นเปียโนได้... ก็อยากจะเล่นให้มากที่สุด
แต่ว่า.. ถึงจะอยากเล่นแค่ไหน ..ที่บ้านก็จะมีเวลาให้เล่นเปียโนอย่างจำกัด
เพราะถ้าดึกเกินไปก็อาจจะรบกวนคนอื่นได้ ซึ่งกาคุโตะในก็เข้าใจในจุดนั้น
ตอนที่อายุครบ 8 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ก็ซื้อเปียโนไฟฟ้าพร้อมหูฟังแบบเฮดโฟนให้เป็นของขวัญวันเกิด
" กั๊ตจัง .. ถ้ามีหูฟังอันนี้นะ จะดึกแค่ไหน หรือจะเช้าแค่ไหน ก็เล่นเปียโนได้โดยไม่รบกวนใครๆเลยละ"
"เอ๋.. จริงเหรอครับ"
" ใช่จ้ะ พอใส่หูฟังแบบนี้นะ แล้วกดแป้นคีย์บอร์ด ทั้งโลกนี้ก็จะมีแต่กั๊ตจังที่ได้ยินเสียงเปียโนละ"
" ว้าว สุดยอดๆๆ"
กาคุโตะเพลิดเพลินไปกับการเล่นเปียโนไฟฟ้าทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นเพลงคลาสสิค เพลงอนิเมที่ชอบๆ หรือเพลงดนตรีทั่วๆไป เขาก็เล่นได้ไม่มีเบื่อ ทันทีที่ได้ยินเสียงเพลงใหม่ๆ เขาก็จะเอามาแกะเป็นเสียงเปียโน บางครั้งก็เอามาปรับแต่งคีย์ใหม่ให้กลายเป็นสไตล์ของตัวเอง
การได้สร้างเสียงเพลงใหม่ๆ ก็คือความสนุกในการเล่นเปียโนของเขานั่นเอง
จากการเล่นเพลง แกะเพลงหลายๆเพลง ทำให้กาคุโตะเริ่มเขียนโน๊ตเพลงได้บ้าง บางครั้งก็แต่งทำนองเพลงเองไปด้วย คนที่เดินผ่านไปผ่านมา อาจจะได้ยินแค่เสียงก๊อกๆแก๊กๆ เมื่อกดคีย์บอร์ด แต่สำหรับกาคุโตะนั้น เสียงที่ได้ยินจากหูฟัง มันเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะสุดๆไปเลย
กลางดึกคืนหนึ่ง กาคุโตะตื่นขึ้นมาดื่มน้ำกลางดึก แล้วก็ได้ยินเสียง ก๊อกๆแก๊กๆ ของคีย์บอร์ดเปียโน พอชะโงกหน้าไปดูก็เห็นคุณแม่กำลังใส่เฮดโฟนเล่นเปียโนไฟฟ้าอยู่ .. ถึงจะไม่ได้ยินเสียงเพลง แต่พอมองจากปลายนิ้วที่กดแป้นคีย์บอร์ด เขาก็พอจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเสียงเพลงที่เล่นออกมา
เป็นความไม่สบายใจ กังวลใจ ..
อา.. คุณแม่คงจะไม่สบายใจเรื่องอาการป่วยของผมเหมือนกันสินะ
กาคุโตะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคุณแม่ผ่านทางคีย์บอร์ดเปียโนนั่นเอง
ในครอบครัวชิบาตะ ทั้งคุณแม่ พี่สาว ต่างก็สามารถเล่นเปียโนได้ทุกคน เรียกได้ว่า เจ้าเปียโนไฟฟ้าเครื่องนั้น มีคนวนเวียนมาเล่นเกือบจะตลอดเวลา
บางสิ่งที่ไม่สามารถพูดให้คนอื่นฟังได้ ก็จะบรรเลงออกมาเป็นเสียงเปียโนเพื่อระบายความในใจออกมาและสมาชิกในบ้านคนอื่นๆก็จะรับรู้ได้จากเสียงก๊อกๆแก๊กๆนั่นเอง
กาคุโตะเองก็เหมือนกัน เวลาที่รู้สึก เหงา หรือรู้สึกว่าโลกนี้มันมืดมิด มองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ พอได้เล่นเปียโนเท่านั้น แค่ได้ฟังเพลงเพราะๆ ก็รู้สึกว่าโลกนี้ดูสดใส ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ดนตรีนี่สุดยอดไปเลยจริงๆ
พอขึ้นชั้นมัธยม กาคุโตะกลับมาอยู่ที่ชิบะอีกครั้ง และต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดครั้งใหญ่เพื่อเปลี่ยนหัวใจที่ได้จากการบริจาค
การผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี ในวันที่คุณหมอบอกว่า ต่อไปนี้สามารถใช้ชีวิตแบบปกติแบบคนอื่นๆได้แล้วนั้น เขาแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
" ไม่เป็นไรแล้วนะ จากนี้ไปเธอก็สามารถวิ่งเล่นได้เหมือนเพื่อนคนอื่นๆแล้วละ "
" เอ๋.. นี่ผมหายเป็นปกติแล้วเหรอครับ
" ใช่ครับ ต่อไปนี้จะขึ้นลงบันไดสถานีรถไฟ หรือจะเดินขึ้นเนิน หรือจะออกกำลังกายในวิชาพละ ก็ทำเหมือนคนอื่นๆได้เลยนะ"
ถึงการผ่าตัดครั้งนี้จะหลงเหลือรอยแผลที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่กาคุโตะกลับไม่ได้กังวลอะไรมากเหมือนเมื่อก่อน อาจจะเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นก็เป็นได้
หลังจากที่เข้าเรียนชั้นม.ต้น พร้อมสภาพร่างกายที่แข็งแรงเหมือนคนปกติ พร้อมๆกับชั่วโมงเรียนพิเศษเปียโนที่เพิ่งจบคอร์สไป กาคุโตะก็ไม่ค่อยได้สนใจเปียโนเหมือนเมื่อก่อน เพราะได้รู้จักกับดนตรีแนวใหม่ ที่เป็นเหมือนสิ่งที่เข้ามาเปิดโลกใบใหม่ของเขาให้กว้างขึ้น
นั่นก็คือวง B'Z
การได้รู้จักกับวง B'Z สำหรับกาคุโตะแล้วเหมือนกับการติดสปริงให้กับรองเท้าที่ก้าวเดินแต่ละวัน ท่วงทำนองแต่ละเพลงของ B'Z แค่เพียงได้ฟังก็ยิ้มได้โดยไม่รู้ตัว จังหวะเพลงที่สนุกสนาน ฟังแล้วเหมือนล่องล่อยไปในอากาศโดยปราศจากแรงโน้มถ่วง ถ้าไม่นับตอนนอน เรียกได้ว่ากาคุโตะฟังเพลงของ B'Z แทบจะทั้งวันทั้งคืนจนสามารถจดจำทำนองและเนื้อเพลงได้ทุกๆเพลง โดยเฉพาะเสียงกีตาร์ของมัตซึโมโตะ ทาคาฮิโระซังนั้น เป็นอะไรที่จับใจที่สุด
พอการสอบปลายภาคชั้นม. 1 จบลง กาคุโตะก็เริ่มฟังเพลงวงอื่นนอกจาก B'Z และก็เริ่มติดใจเพลงของวง BOOWY เพิ่มอีกวงนึง
เล่นดนตรีเป็นวงนี่ดีจังเลยน๊า
ในโลกของดนตรีเนี่ย ได้เล่นดนตรีเป็นวงได้ เท่ที่สุดแล้ววว
คนเล่นกีตาร์ได้เนี่ยเท่ห์สุดๆไปเลย วู้ววว
โห เพลงนี้คนตีกลองก็ดี เพลงนั้นมือคีย์บอร์ดเจ๋งสุดๆ
แต่ละคน แต่ละเครื่องดนตรี พอเอามารวมเป็นวงแล้วสามารถสร้างเพลงแบบนี้ได้มากมายแบบนี้ สุดยอดมากๆ
ความคิดของกาคุโตะวนเวียนไปๆมาๆ ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงวงนั้นวงนี้ ก็จะคิดตลอดว่า อยากเล่นดนตรีเป็นวงบ้างจังเลย
"กาคุโตะ นายเล่นเปียโนได้ใช่ปะ"
" อื้ม.. ใช่ ได้นิดหน่อยนะ"
" น่าจะใช้ได้นะ นายสนใจมาเล่นคีย์บอร์ดให้วงเรามั้ย"
ด้วยคำชักชวนของเพื่อนร่วมห้องที่ชื่นชอบวง BOOWY เหมือนกัน เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กาคุโตะได้ก้าวเข้ามาในโลกของวงดนตรีที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น
หลังจากเข้าร่วมวงในฐานะมือคีย์บอร์ด ได้ซ้อมกับเพื่อนๆหลายเพลงมากขึ้น
กาคุโตะก็เริ่มคิดว่า..
"..คนเล่นกีตาร์เป็นนี่เท่จังน๊า...."
" เอาละ หลังจากจบม.ต้น ไปเล่นกีตาร์บ้างดีกว่า!!!"
หลังจากฝึกซ้อมกันได้ไม่กี่ครั้ง วงของกาคุโตะและเพื่อนๆก็ได้ขึ้นแสดงที่งานโรงเรียนปีละครั้ง
การที่ได้ไปเช่าสตูดิโอฝึกซ้อมด้วยกันกับเพื่อนๆ
ได้พูดคุยกันเรื่องดนตรีอย่างสนุกสนานจนลืมเวลาแบบนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า
ดีจริงๆที่ได้เล่นเปียโน
ดีจริิงๆที่ได้รู้จักกับ B'Z และ BOOWY
ดีจริงๆที่ได้มาร่วมวงกับเพื่อนๆในตอนนี้
อา.. อยากจะเล่นดนตรีตลอดไปจังเลย..
พอขึ้นม.ปลายปี 1 กาคุโตะก็เข้าชมรมว่ายน้ำ
ด้วยความรู้สึกที่อยากจะหลุดพ้นจากความกลัวการออกกำลังกาย ไม่อยากจะวิ่งหนีอีกแล้ว..
อยากจะเชื่อมั่นว่า มีร่างกายที่แข็งแรงเป็นปกติแล้วจริงๆ
" ต้องไม่เป็นไรน่า" ด้วยคำที่คุณแม่พูดมา ทำให้เขาตัดสินใจเข้าชมรมว่ายน้ำในทันที
นอกจากนั้น ก็ไม่ลืมที่จะหัดเล่นกีตาร์ตามที่ได้คิดไว้
" ต้องเล่นให้เป็นให้ได้สิน่า.."
กาคุโตะมีความรู้สึกอยากจะท้าทายความสามารถของตัวเองให้มากขึ้นไปอีก และการเล่นกีตาร์ได้มันก็ดูเท่ห์ดีไม่ใช่น้อย จากคนที่เล่นแต่เปียโนมาเป็นสิบปี เขาก็เริ่มจับกีตาร์เป็นครั้งแรก
เริ่มจากพื้นฐานของพื้นฐานก่อน จากนั้นก็เริ่มไปปรึกษาเพื่อนๆในวง และได้รับคำแนะนำเรื่องเทคนิคแบบมือโปรมาบ้าง ด้วยความที่มีพื้นฐานทางเปียโนมาก่อน ทำให้เขาสามารถจดจำเสียงต่างๆได้ดี และเล่นกีตาร์เป็นได้อย่างรวดเร็ว
พอเริ่มเล่นกีตาร์ได้ เขาก็เริ่มสนุกกับการลองเล่นเครื่องดนตรีอื่นๆมากขึ้น สุดท้ายก็ลาออกจากชมรมว่ายน้ำ แล้วก็มาเข้าชมรมดนตรีไปจนได้
ที่ชมรมดนตรีมีเครื่องเล่นดนตรีให้ลองเล่นมากมาย แล้วยังสามารถใช้เวลาหลังเลิกเรียนมาเล่นนานเท่าไหร่ก็ได้ที่ต้องการอีกด้วย
หลังจากที่เล่นกีตาร์ได้ เขาก็ได้ลองเล่น กีตาร์ไฟฟ้า, เบส, กลอง วนไปวนมา จนกลับบ้านมืดๆแทบทุกวัน
ชมรมดนตรีมีสมาชิกทั้งหญิงและชายรวมกันประมาณสามสิบคน และทุกคนก็สนิทกันดีมาก
สำหรับกาคุโตะแล้ว .. ห้องชมรม ก็เป็นเหมือนแหล่งพักใจอีกที่นึงเลยทีเดียว
หลังจากเลิกเรียน เมื่อไปถึงห้องชมรม ทุกคนก็จะแบ่งกลุ่มกันฝึกซ้อม โดยไม่ได้กำหนดตายตัวว่าใครจะต้องอยู่กับใคร แต่จะใช้วิธีแบ่งกลุ่มตามเพลงที่ได้รับมอบหมายมามากกว่า ถ้าเป็นเพลงนี้ละก็ ให้คนนี้กับคนนี้เล่นตรงนี้นะ อะไรประมาณนี้
คนที่มีผลการซ้อมดี นอกจากจะได้เล่นวงโชว์ตัวในงานโรงเรียนแล้ว ยังมีอีกหลายๆคนที่ได้ไปเล่นในไลฟ์เฮาส์ชื่อดังในจ.ชิบะอีกด้วย
วันหนึ่ง ในขณะที่กาคุโตะกำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องชมรม ..
รุ่นพี่คนหนึ่งที่ทำผมทรงร็อคสตาร์ ก็ได้พูดกับเขาว่า
" มาเล่นกีตาร์ให้วงพี่มั้ย "
" เอ๊ะ!? ผมเหรอครับ"
" นายน่ะ เล่นกีตาร์สไตล์ มัตซึโมโตะ ทาคาฮิโระ แห่งวง B'Z ได้ใช่มั้ยล่ะ"
" เอ้อ.. ก็... ไม่ถึงขนาดนั้นครับพี่"
" ไม่ต้องมาถ่อมตัวน่า สนใจมั้ยล่ะ"
ถึงจะพูดถ่อมตัวไป .. แต่สำหรับกาคุโตะแล้ว ก็รู้สึกดีใจเป็นที่สุดที่รุ่นพี่ได้ชวนเข้าวง
หลังจากที่เข้าร่วมวงกับรุ่นพี่ในฐานะมือกีตาร์ เขาก็ได้ไปขึ้นแสดงในไลฟ์เฮ้าอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพลงไหน ของวงไหน ถ้าขอมาก็ยินดีจะจัดให้ นอกจากเพลงของ B'Z กับ BOOWY เขายังฝึกเล่นเพลงของวงดังๆอื่นๆอย่างเช่น Lunar Sea, JUDY and MARY, Mr. Children อีกด้วย
ไม่นาน เขาก็กลายเป็นนักกีตาร์มือหนึ่งประจำชมรมไปแล้ว..
ในตอนนี้ เขามีความรู้สึกแรงกล้าที่อยากจะก้าวข้ามผ่านดนตรีในห้องชมรมเล็กๆนี้ แล้วสร้างร็อคแบนด์ของตัวเองแบบจริงๆจังๆเลยทีเดียว
" นายนี่มันสุดยอดไปเลยว่ะ "
มีเพื่อนในชมรมที่พูดคำนี้บ่อยๆกับกาคุโตะ
เขาคนนั้นคือเพื่อนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตกาคุโตะหลายๆอย่าง
พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ตั้งแต่เกิดมา เพื่อนคนนี้คือเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตที่เฝ้ารอมานาน
ชื่อของเพื่อนคนนั้นก็คือ
"มิอุระ"
ในโลกของดนตรีเนี่ย ได้เล่นดนตรีเป็นวงได้ เท่ที่สุดแล้ววว
คนเล่นกีตาร์ได้เนี่ยเท่ห์สุดๆไปเลย วู้ววว
โห เพลงนี้คนตีกลองก็ดี เพลงนั้นมือคีย์บอร์ดเจ๋งสุดๆ
แต่ละคน แต่ละเครื่องดนตรี พอเอามารวมเป็นวงแล้วสามารถสร้างเพลงแบบนี้ได้มากมายแบบนี้ สุดยอดมากๆ
ความคิดของกาคุโตะวนเวียนไปๆมาๆ ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงวงนั้นวงนี้ ก็จะคิดตลอดว่า อยากเล่นดนตรีเป็นวงบ้างจังเลย
"กาคุโตะ นายเล่นเปียโนได้ใช่ปะ"
" อื้ม.. ใช่ ได้นิดหน่อยนะ"
" น่าจะใช้ได้นะ นายสนใจมาเล่นคีย์บอร์ดให้วงเรามั้ย"
ด้วยคำชักชวนของเพื่อนร่วมห้องที่ชื่นชอบวง BOOWY เหมือนกัน เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กาคุโตะได้ก้าวเข้ามาในโลกของวงดนตรีที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น
หลังจากเข้าร่วมวงในฐานะมือคีย์บอร์ด ได้ซ้อมกับเพื่อนๆหลายเพลงมากขึ้น
กาคุโตะก็เริ่มคิดว่า..
"..คนเล่นกีตาร์เป็นนี่เท่จังน๊า...."
" เอาละ หลังจากจบม.ต้น ไปเล่นกีตาร์บ้างดีกว่า!!!"
หลังจากฝึกซ้อมกันได้ไม่กี่ครั้ง วงของกาคุโตะและเพื่อนๆก็ได้ขึ้นแสดงที่งานโรงเรียนปีละครั้ง
การที่ได้ไปเช่าสตูดิโอฝึกซ้อมด้วยกันกับเพื่อนๆ
ได้พูดคุยกันเรื่องดนตรีอย่างสนุกสนานจนลืมเวลาแบบนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า
ดีจริงๆที่ได้เล่นเปียโน
ดีจริิงๆที่ได้รู้จักกับ B'Z และ BOOWY
ดีจริงๆที่ได้มาร่วมวงกับเพื่อนๆในตอนนี้
อา.. อยากจะเล่นดนตรีตลอดไปจังเลย..
พอขึ้นม.ปลายปี 1 กาคุโตะก็เข้าชมรมว่ายน้ำ
ด้วยความรู้สึกที่อยากจะหลุดพ้นจากความกลัวการออกกำลังกาย ไม่อยากจะวิ่งหนีอีกแล้ว..
อยากจะเชื่อมั่นว่า มีร่างกายที่แข็งแรงเป็นปกติแล้วจริงๆ
" ต้องไม่เป็นไรน่า" ด้วยคำที่คุณแม่พูดมา ทำให้เขาตัดสินใจเข้าชมรมว่ายน้ำในทันที
นอกจากนั้น ก็ไม่ลืมที่จะหัดเล่นกีตาร์ตามที่ได้คิดไว้
" ต้องเล่นให้เป็นให้ได้สิน่า.."
กาคุโตะมีความรู้สึกอยากจะท้าทายความสามารถของตัวเองให้มากขึ้นไปอีก และการเล่นกีตาร์ได้มันก็ดูเท่ห์ดีไม่ใช่น้อย จากคนที่เล่นแต่เปียโนมาเป็นสิบปี เขาก็เริ่มจับกีตาร์เป็นครั้งแรก
เริ่มจากพื้นฐานของพื้นฐานก่อน จากนั้นก็เริ่มไปปรึกษาเพื่อนๆในวง และได้รับคำแนะนำเรื่องเทคนิคแบบมือโปรมาบ้าง ด้วยความที่มีพื้นฐานทางเปียโนมาก่อน ทำให้เขาสามารถจดจำเสียงต่างๆได้ดี และเล่นกีตาร์เป็นได้อย่างรวดเร็ว
พอเริ่มเล่นกีตาร์ได้ เขาก็เริ่มสนุกกับการลองเล่นเครื่องดนตรีอื่นๆมากขึ้น สุดท้ายก็ลาออกจากชมรมว่ายน้ำ แล้วก็มาเข้าชมรมดนตรีไปจนได้
ที่ชมรมดนตรีมีเครื่องเล่นดนตรีให้ลองเล่นมากมาย แล้วยังสามารถใช้เวลาหลังเลิกเรียนมาเล่นนานเท่าไหร่ก็ได้ที่ต้องการอีกด้วย
หลังจากที่เล่นกีตาร์ได้ เขาก็ได้ลองเล่น กีตาร์ไฟฟ้า, เบส, กลอง วนไปวนมา จนกลับบ้านมืดๆแทบทุกวัน
ชมรมดนตรีมีสมาชิกทั้งหญิงและชายรวมกันประมาณสามสิบคน และทุกคนก็สนิทกันดีมาก
สำหรับกาคุโตะแล้ว .. ห้องชมรม ก็เป็นเหมือนแหล่งพักใจอีกที่นึงเลยทีเดียว
หลังจากเลิกเรียน เมื่อไปถึงห้องชมรม ทุกคนก็จะแบ่งกลุ่มกันฝึกซ้อม โดยไม่ได้กำหนดตายตัวว่าใครจะต้องอยู่กับใคร แต่จะใช้วิธีแบ่งกลุ่มตามเพลงที่ได้รับมอบหมายมามากกว่า ถ้าเป็นเพลงนี้ละก็ ให้คนนี้กับคนนี้เล่นตรงนี้นะ อะไรประมาณนี้
คนที่มีผลการซ้อมดี นอกจากจะได้เล่นวงโชว์ตัวในงานโรงเรียนแล้ว ยังมีอีกหลายๆคนที่ได้ไปเล่นในไลฟ์เฮาส์ชื่อดังในจ.ชิบะอีกด้วย
วันหนึ่ง ในขณะที่กาคุโตะกำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องชมรม ..
รุ่นพี่คนหนึ่งที่ทำผมทรงร็อคสตาร์ ก็ได้พูดกับเขาว่า
" มาเล่นกีตาร์ให้วงพี่มั้ย "
" เอ๊ะ!? ผมเหรอครับ"
" นายน่ะ เล่นกีตาร์สไตล์ มัตซึโมโตะ ทาคาฮิโระ แห่งวง B'Z ได้ใช่มั้ยล่ะ"
" เอ้อ.. ก็... ไม่ถึงขนาดนั้นครับพี่"
" ไม่ต้องมาถ่อมตัวน่า สนใจมั้ยล่ะ"
ถึงจะพูดถ่อมตัวไป .. แต่สำหรับกาคุโตะแล้ว ก็รู้สึกดีใจเป็นที่สุดที่รุ่นพี่ได้ชวนเข้าวง
หลังจากที่เข้าร่วมวงกับรุ่นพี่ในฐานะมือกีตาร์ เขาก็ได้ไปขึ้นแสดงในไลฟ์เฮ้าอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพลงไหน ของวงไหน ถ้าขอมาก็ยินดีจะจัดให้ นอกจากเพลงของ B'Z กับ BOOWY เขายังฝึกเล่นเพลงของวงดังๆอื่นๆอย่างเช่น Lunar Sea, JUDY and MARY, Mr. Children อีกด้วย
ไม่นาน เขาก็กลายเป็นนักกีตาร์มือหนึ่งประจำชมรมไปแล้ว..
ในตอนนี้ เขามีความรู้สึกแรงกล้าที่อยากจะก้าวข้ามผ่านดนตรีในห้องชมรมเล็กๆนี้ แล้วสร้างร็อคแบนด์ของตัวเองแบบจริงๆจังๆเลยทีเดียว
" นายนี่มันสุดยอดไปเลยว่ะ "
มีเพื่อนในชมรมที่พูดคำนี้บ่อยๆกับกาคุโตะ
เขาคนนั้นคือเพื่อนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตกาคุโตะหลายๆอย่าง
พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ตั้งแต่เกิดมา เพื่อนคนนี้คือเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตที่เฝ้ารอมานาน
ชื่อของเพื่อนคนนั้นก็คือ
"มิอุระ"
Sorette kiseki -บทที่ 3.9 รอยแผลจากการผ่าตัด
Reviewed by ITadmin
on
07:49:00
Rating:
![Sorette kiseki -บทที่ 3.9 รอยแผลจากการผ่าตัด](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEht4Pg566tEjdmMsJh9XuYO2zzl1EEcNHOywXqQSIMak2ZfmjVaX2eA0zdgOc7G5WLdTUha2WXOQOISqXhBLuUdhEkOj6qqxUsxvaAensF_EYh1Dq5EBGcmyjZOoQqdFvccnEdRxiu6bVQ/s72-c/02-50.jpg)
No comments: