บทที่ 1.8
Fashion & Music
ชุดนักเรียนตามปกติ คือเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้ม เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าอ่อน เนคไทสีแดง กางเกงขายาวสีเทา
แต่สำหรับฮิเดะที่กำลังชื่นชอบดนตรีแนวใหม่..มันต้องมีการดัดแปลงกันบ้าง
เนคไทของโรงเรียน ปกติจะมีตราโรงเรียนเล็กๆอยู่ ฮิเดะก็จัดการเปลี่ยนเป็นเนคไทสีแดงเข้มที่หาซื้อมาจากในเมือง
เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าอ่อน....เห่ย
เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าอ่อน....เห่ย
"ใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวดูดีกว่าตั้งเยอะ"
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็จัดการซื้อเสื้อใหม่เปลี่ยนทั้งเซ็ท แล้วบอกลาตัวตนคนเก่าที่เคยอยู่ในกฎในระเบียบมาตลอด กลายเป็นคนใหม่ที่ดูมีสไตล์เป็นของตัวเองมากขึ้น
ใน 1 ปี จะมีสองครั้งที่ฮิเดะจะได้กลับไปที่บ้านที่เกียวโต ก็คือช่วงปีใหม่และหยุดฤดูร้อน และเขาก็มักจะพบเจอเพื่อนเก่าที่เริ่มจะเป็นวัยรุ่น เริ่มรู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวดูเป็น fashion street boy มากขึ้น
"ถ้าได้เรียนที่เกียวโต ..ก็คงได้แต่งตัวแบบนั้นบ้างละน๊า.."
บางครั้ง..ชั่วแว่บหนึ่ง ฮิเดะก็เคยนึกอิจฉาเพื่อนๆที่ได้มีโอกาสเลือกเครื่องแต่งตัวอย่างมีสไตล์กันแบบนั้นเหมือนกัน .. แต่อย่างไรก็ตาม การได้ไปเรียนที่โคจิก็ทำให้ได้มีเวลาเล่นดนตรีมากขึ้น ได้ตั้งวงของตัวเองกับเพื่อนๆ และยังได้เล่นวอลเล่ย์บอลอีกด้วย.. ก็ไม่ได้เลวร้ายซักเท่าไหร่
แม้จะต้องเรียนทุกๆวันจนถึงทุ่มนึงเป็นเรื่องปกติก็ตามเถอะ
..
.
พอเข้าช่วงฤดูใบไม้ร่วงตอนม.3 ฮิเดะก็ได้ลองแต่งเพลงของตัวเองเป็นครั้งแรกกับเพื่อนๆในวง
แล้วอัดเสียงใส่เทป ด้วยสตูดิโอที่ทำกันเองแบบง่ายๆ มีแค่ไมค์ตัวเดียวที่วางอยู่บนโต๊ะเท่านั้น
ฮิเดะส่งเทปนั้นให้พี่สาวแท้ๆฟังทางไปรษณีย์ และได้รับคำชมมากมาย
"หวา..ฮิเดะ นี่มันสุดยอดเลยนี่นา!! เหมือนมืออาชีพเลยละ"
พี่สาวพูดชมไม่ขาดปาก ระหว่างที่ฟังเพลงจากน้องชาย
"จริงอะ!! คิดงั้นจริงๆใช่ป่าว"
พี่สาวยิ้มไม่หุบ กับสำเนียงแบบโทสะอันไร้เดียงสาของน้องชายที่ได้ยินทางโทรศัพท์
"อื้ม! ถ้าวางขายละก็อยากจะซื้อเลยแหละ"
ฮิเดะได้ยินแบบนั้นก็มีกำลังใจขึ้นอีกเป็นกอง
"เอาละ!!! ถ้างั้นทำแจกกันให้เยอะๆเลยดีกว่า!!"
ฺฮิเดะกับเพื่อนๆในวง ช่วยกันก๊อปปี้เทปม้วนนั้นเพิ่มมาเป็น 100 ม้วน เพื่อที่จะแจกจ่ายเพื่อนๆที่รู้จักในโรงเรียนให้ได้ฟังกัน ..
สมัยนั้นมีแต่เทปหน้าตาแบบนี้นะคะ ... เกิดทันกันอ๊ะป่าวว |
แน่นอน..ม้วนหนึ่งเขาได้ส่งให้คุณพ่อที่อยู่เกียวโตด้วย
พร้อมกับข้อความสั้นๆว่า
"เพลงนี้ขอแต่งให้คุณพ่อครับ ช่วยรับฟังด้วยนะครับ"
เป็นเพลงแรกในชีวิตที่แต่งขึ้นมา คนที่เขาอยากจะให้ฟังที่สุดก็คือคุณพ่อนั่นเอง
แม้จะไม่มีจดหมายหรือข้อความใดๆตอบกลับมาจากคุณพ่อ
แต่ในเย็นวันหนึ่ง คุณแม่ก็ได้โทรมาหาพร้อมเล่าให้ฟังว่า
"พ่อน่ะน๊า เปิดเพลงของลูกฟังทุกวันเลย ท่าทางปลื้มอกปลื้มใจเลยหล่ะ"
ฮิเดะได้ฟังแบบนั้นก็ดีใจและแอบยิ้มอยู่คนเดียวทุกครั้งที่นึกถึง
"อยากจะซื้อเพลงที่ฮิเดะแต่งจังเลย"
เพื่อนๆหลายคนต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวกัน
สำหรับวงของฮิเดะที่มีแต่พวกมือใหม่มารวมตัวกัน นั่นเป็นคำชมที่น่าดีใจที่สุด
"นี่พวกเราดูเหมือนโปรเลยนะเนี่ยย" เพื่อนในวงคนหนึ่งพูดขึ้น
"ดูท่าทางว่าเราควรจะตั้งชื่อวงกันจริงๆจังๆซะแล้ว" ฮิเดะเสริมและทุกๆคนก็เห็นด้วย
"เอาชื่อไรดีล่ะ เป็นชื่อของพวกเราทุกคนมารวมกันมั้ย" ฮิเดะเสนอความคิดต่อ
"นายเป็นคนตั้งวงคนแรก แล้วนายก็เป็นคนแต่งเพลงด้วย ชั้นว่าใช้ชื่อ ฮิเดะแบนด์เลยก็ได้นะ"
"เห็นด้วยๆๆ" เพื่อนๆในวงทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน
"อื้ม เอางั้นก็ได้" ฮิเดะตอบตกลงอย่างไม่คิดไรมาก
นับตั้งแต่นั้นมา ฮิเดะแบนด์ก็ได้ขึ้นเวทีงานโรงเรียนอีกหลายงาน
รวมถึงงานจบการศึกษาชั้นม.ต้นของพวกเขาด้วย..
ขึ้นชั้นม.ปลาย
ฮิเดะเริ่มเบื่อชีวิตเด็กหอที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตารางเรียนพิเศษที่มีถึงหนึ่งทุ่มของทุกๆวัน การนั่งสมาธิและการต้องเข้านอนให้เป็นเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะต้องอยู่ในกฎไปซะหมด
แทนที่จะมานั่งเรียนๆๆๆๆ เขาอยากจะเอาเวลาไปซ้อมดนตรี และเล่นวงกับเพื่อนๆมากกว่า
พอคุยกับเพื่อนๆ ก็พบว่าทุกๆคนเองก็คิดเหมือนๆกัน
ฮิเดะจึงตัดสินใจโทรบอกคุณพ่อ..เพื่อที่จะขอย้ายไปอยู่อพาตเม้นข้างนอกด้วยเหตุผลที่ว่า..
"ขึ้นม.ปลายแล้ว อยากจะมีเวลาเริ่มอ่านหนังสือและทุ่มเทกับเตรียมเข้ามหาลัยกับเพื่อนๆมากกว่านี้ครับ อยู่ที่หอนี่ บางครั้งก็เสียงดัง แล้วก็ต้องทำงานตามตารางเวลาของหอพักอีก ไม่ค่อยมีสมาธิเลยฮะ "
"งั้นเหรอ.. เอางั้นก็ได้นะ" คุณพ่อตอบรับอย่างง่ายดาย
comment# เนียนมาก ร้ายนักนะนังเด็กนี่
พ่อของเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งที่ทำงานทางด้านอสังหาริมทรัพย์ได้ช่วยหาที่พักให้ เป็นอพาร์ตเม้นราคาไม่แพงมากที่อยู่ในตัวเมือง ใกล้ๆย่านการค้าโอบิยะมาจิ สามารถเดินทางไปร้านเครื่องดนตรีได้สะดวกมากๆ แม้ว่าจะอยู่ไกลจากโรงเรียนไปซักหน่อย และต้องตื่นเช้าขึ้นมาอีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อไปโรงเรียน ก็ไม่เป็นปัญหา
ฮิเดะในวัย 16 ปีย้ายออกจากหอมาอยู่อพาร์ตเม้นกับเพื่อนๆ ไม่มีกฎระเบียบใดๆมาบังคับอีกแล้ว
นี่แหละคืออิสระที่แท้จริง!!!
ที่โคจิตอนนั้นมี ไลฟ์เฮ้าส์ใหญ่ๆอยู่ 2 แห่ง ก็คือ Karabansa ที่สามารถจุคนได้ 200-300 คน และอีกที่หนึ่งก็คือ B-B cafe จุคนได้ 50-100 คน
ตอนเช้าตื่นมาไปโรงเรียน พอกลับมาถึงอพาร์ตเม้น ก็ซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆบ้าง ไปไลฟ์เฮ้าส์บ้าง
ตั๋วค่าเข้าไลฟ์เฮ้าส์โดยปกติเริ่มที่ 1500 เยน.... แน่นอน..ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือที่โรงเรียน เรื่องที่ไปไลฟ์เฮ้าส์นี่ถือเป็นเป็นความลับสุดยอด
ในย่านการค้าโอบิยะมาจิ มีร้านขายเสื้อผ้า hip-hop สไตล์อเมริกันอยู่ร้านหนึ่งที่ฮิเดะมักจะไปซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นเป็นประจำ เจ้าของร้านมาจากโตเกียว และเคยเป็นนักเต้น hip-hopมาก่อน เขาคุยกับเจ้าของร้านอย่างถูกคอ
พอไปที่ร้านบ่อยๆเข้า ก็เริ่มคุยกับแขกที่มาที่ร้านบ้าง แนะนำเรื่องของเสื้อผ้า แลกเปลี่ยนความเห็นกับลูกค้าอย่างสนุกสนาน ด้วยการรับส่งมุกและตวามน่ารักของสำเนียงคันไซแบบตรงไปตรงมาของฮิเดะ ทำให้พวกผู้ใหญ่ที่มาที่ร้านชอบใจและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
"อันนี้ของตอบแทนเล็กๆน้อยๆนะ อุตส่าห์ช่วยรับลูกค้าให้หลายครั้งเลย" เจ้าของร้านพูดพร้อมยื่นเสื้อผ้า hip-hop ให้เป็นของขวัญในเย็นวันหนึ่ง
" โอ้ย ไม่เป็นไรฮะ แค่ผมได้มาเลือกดูเสื้อผ้า ได้พูดคุยกับคนอื่นๆ ได้ดูวีดีโอ hip-hopที่นี่ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว.."
"ถ้างั้น สนใจมาทำงานพิเศษที่นี่เลยมั้ยล่ะ"
โอกาสในการทำงานพิเศษมาแบบคาดไม่ถึง ฮิเดะตอบรับด้วยความเต็มใจ
ได้ทำงานที่ชอบ และยังได้เก็บเงินไปซื้อตั๋วเข้าไลฟ์เฮ้าส์ด้วย จะมีงานอะไรดีไปกว่านี้อีก
ทั้งเรื่องดนตรีและแฟชั่น ในตอนนั้นเป็นอะไรที่น่าหลงไหลที่สุดสำหรับฮิเดะไปแล้ว
พอได้มาทำงานที่ร้านเสื้อผ้า Hip-hop ก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับคนในวงการมากขึ้น เพลง Hip-hop ของต่างชาติเป็นอะไรที่โดนใจและเจ๋งมาก
พอขึ้น ม. 5 นอกจากเพลงสไตล์ Hip-hop แล้ว คราวนี้ฮิเดะก็เริ่มชอบเพลงฮาร์ดคอร์ขึ้นมาอีก เขากับเพื่อนๆรวมตัวกันแต่เพลงแนว hardcore & hip-hop แบบวง nuntyaku นี่ปลื้มสุดๆ ถึงขนาดชวนเพื่อนที่สนิทๆราว 5-6คนมาตั้งวงฮาร์ดคอกันเลยทีเดียว
comment# และนี่คือเพลงวง nuntyaku ที่อีตาฮิเดะปลื้มนักหนา....แอดมินบอกเลยว่า....ไม่สามารถฟังได้จนจบเพลง T_T ดีนะที่อีตาฮิเดะเปลี่ยนแนวเพลงก่อนออกซิงเกิ้ลแรก ไม่งั้นเราคงไม่ได้รู้จักกันแน่ๆ
ที่โคจิตอนนั้นมี ไลฟ์เฮ้าส์ใหญ่ๆอยู่ 2 แห่ง ก็คือ Karabansa ที่สามารถจุคนได้ 200-300 คน และอีกที่หนึ่งก็คือ B-B cafe จุคนได้ 50-100 คน
ตอนเช้าตื่นมาไปโรงเรียน พอกลับมาถึงอพาร์ตเม้น ก็ซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆบ้าง ไปไลฟ์เฮ้าส์บ้าง
ตั๋วค่าเข้าไลฟ์เฮ้าส์โดยปกติเริ่มที่ 1500 เยน.... แน่นอน..ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือที่โรงเรียน เรื่องที่ไปไลฟ์เฮ้าส์นี่ถือเป็นเป็นความลับสุดยอด
ย่านโอบิยะมาจิ (จาก google map) |
ในย่านการค้าโอบิยะมาจิ มีร้านขายเสื้อผ้า hip-hop สไตล์อเมริกันอยู่ร้านหนึ่งที่ฮิเดะมักจะไปซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นเป็นประจำ เจ้าของร้านมาจากโตเกียว และเคยเป็นนักเต้น hip-hopมาก่อน เขาคุยกับเจ้าของร้านอย่างถูกคอ
พอไปที่ร้านบ่อยๆเข้า ก็เริ่มคุยกับแขกที่มาที่ร้านบ้าง แนะนำเรื่องของเสื้อผ้า แลกเปลี่ยนความเห็นกับลูกค้าอย่างสนุกสนาน ด้วยการรับส่งมุกและตวามน่ารักของสำเนียงคันไซแบบตรงไปตรงมาของฮิเดะ ทำให้พวกผู้ใหญ่ที่มาที่ร้านชอบใจและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
"อันนี้ของตอบแทนเล็กๆน้อยๆนะ อุตส่าห์ช่วยรับลูกค้าให้หลายครั้งเลย" เจ้าของร้านพูดพร้อมยื่นเสื้อผ้า hip-hop ให้เป็นของขวัญในเย็นวันหนึ่ง
" โอ้ย ไม่เป็นไรฮะ แค่ผมได้มาเลือกดูเสื้อผ้า ได้พูดคุยกับคนอื่นๆ ได้ดูวีดีโอ hip-hopที่นี่ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว.."
"ถ้างั้น สนใจมาทำงานพิเศษที่นี่เลยมั้ยล่ะ"
โอกาสในการทำงานพิเศษมาแบบคาดไม่ถึง ฮิเดะตอบรับด้วยความเต็มใจ
ได้ทำงานที่ชอบ และยังได้เก็บเงินไปซื้อตั๋วเข้าไลฟ์เฮ้าส์ด้วย จะมีงานอะไรดีไปกว่านี้อีก
ทั้งเรื่องดนตรีและแฟชั่น ในตอนนั้นเป็นอะไรที่น่าหลงไหลที่สุดสำหรับฮิเดะไปแล้ว
พอได้มาทำงานที่ร้านเสื้อผ้า Hip-hop ก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับคนในวงการมากขึ้น เพลง Hip-hop ของต่างชาติเป็นอะไรที่โดนใจและเจ๋งมาก
พอขึ้น ม. 5 นอกจากเพลงสไตล์ Hip-hop แล้ว คราวนี้ฮิเดะก็เริ่มชอบเพลงฮาร์ดคอร์ขึ้นมาอีก เขากับเพื่อนๆรวมตัวกันแต่เพลงแนว hardcore & hip-hop แบบวง nuntyaku นี่ปลื้มสุดๆ ถึงขนาดชวนเพื่อนที่สนิทๆราว 5-6คนมาตั้งวงฮาร์ดคอกันเลยทีเดียว
comment# และนี่คือเพลงวง nuntyaku ที่อีตาฮิเดะปลื้มนักหนา....แอดมินบอกเลยว่า....ไม่สามารถฟังได้จนจบเพลง T_T ดีนะที่อีตาฮิเดะเปลี่ยนแนวเพลงก่อนออกซิงเกิ้ลแรก ไม่งั้นเราคงไม่ได้รู้จักกันแน่ๆ
บนรถบัสทัศนศึกษา ฮิเดะและเพื่อนๆจองที่นั่งหลังรถนั่งโหวกเหวกร้องเพลงกันอย่างเมามันส์ ฮิเดะทำเสียง แชคๆๆๆๆ เพื่อนๆก็จะตอบกลับมาด้วยเสียงฉึกกะฉึกกะฉึก (โอ้ยยย ไม่รู้จะแปลยังไง คือถ้าใครฟังเพลง hip-hop คงจะนึกออก พวกที่ชอบทำเสียงเลียนแบบเครื่องดนตรีอะค่ะ) จากนั้นฮิเดะก็เริ่ดดีดกีตาร์ก็เและเหล่าชายหนุ่มต่างก็โยกหัวร้องเพลง hip-hop ที่แต่งกันเองลั่นรถ
"พอเหอะ หนวกหูจริงๆเลย"
"ร้องเพลงอะไรของนาย ฟังไม่เห็นจะรู้เรื่อง"
พวกผู้หญิงในห้องหันมาต่อว่า .. แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกผู้ชายหลังที่นั่งหลังรถหยุดร้องเพลงได้
ก็แบบ...ร้องเพลงแล้วทำให้สาวๆหันมามองด้วยแฮะ
แล้วจะหยุดร้องได้ไง ... แบบนี้ต้องจัดให้ดังกว่าเดิมสิ!
comment# อีกตาบ้า..สมควรแล้วที่ไม่เคยได้ชอกโกแลตวาเลนไทน์กะเค้าเลย 55
"พอเหอะ หนวกหูจริงๆเลย"
"ร้องเพลงอะไรของนาย ฟังไม่เห็นจะรู้เรื่อง"
พวกผู้หญิงในห้องหันมาต่อว่า .. แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกผู้ชายหลังที่นั่งหลังรถหยุดร้องเพลงได้
ก็แบบ...ร้องเพลงแล้วทำให้สาวๆหันมามองด้วยแฮะ
แล้วจะหยุดร้องได้ไง ... แบบนี้ต้องจัดให้ดังกว่าเดิมสิ!
comment# อีกตาบ้า..สมควรแล้วที่ไม่เคยได้ชอกโกแลตวาเลนไทน์กะเค้าเลย 55
Sorette kiseki - บทที่ 1.8 Fashion & Music
Reviewed by ITadmin
on
07:19:00
Rating:
No comments: