GReeeeN คือ??

บทเพลงของหมอพันอารมณ์ดี ดนตรี Feel Good!

Sorette kiseki -บทที่ 2.5 การเติบโตของจิน

บทที่ 2.5 

การเติบโตของจิน


จิน.....ลูกชายคนโตของตระกูลโกะได เติบโตมาพร้อมกับพี่สาวที่ห่างกัน 2 ปี และน้องชายที่ห่างกัน 3 ปี

เนื่องจากเป็นลูกชายคนโต จึงได้รับการเลี้ยงดูที่เข้มงวดที่สุดจากคุณพ่อ ทั้งคำด่าและเสียงตะคอกที่มีให้มากกว่าลูกๆคนอื่นเป็นเท่าตัว 
ลูกชายของตระกูลโกะไดน่ะ คือคนที่จะเติบโตไปเป็นหมอเท่านั้น
เป็นเรื่องที่คุณพ่อตัดสินใจเอาไว้ตั้งแต่จินยังไม่เกิด  

"ชื่อของเด็กคนนี้น่ะ  เขียนว่า 仁義 (จินกิ=คุณธรรม,ความยุติธรรม) แต่ให้ออกเสียงอ่านเป็น ฮิโตะโยชิ หมายถึงคนที่มีคุณธรรมกับผู้อื่น .. "
"นี่แหละ..คือชื่อของหมอที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต"

เป็นคำพูดของคุณพ่อที่พูดขึ้นในวันแรกที่จินลืมตาขึ้นมาดูโลก

ตอนที่จินเกิดมานั้น ครอบครัวโกะไดอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่โอซาก้า  มีสวนหย่อมส่วนตัวที่มีบ่อน้ำ เนินทราย และบันไดของเล่นพร้อมให้เด็กๆได้เล่นตลอดเวลา เป็นบ้านเช่าในราคาเพียง 7หมื่นเยน นับว่าถูกมากเมื่อเที่ยบกับความกว้างใหญ่ที่มี 

บางครั้งก็จะได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่ชั้น 2 ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่  บางครั้งก็มีคนเคาะประตู พอเปิดไปแล้วก็ไม่มีใครเลย  สมัยที่จินและฮิเดะยังตัวเล็กๆ  เวลาที่เล่นอยู่ด้วยกันในสวน บางทีก็จะชี้ไม้ชี้มือแล้วบอกว่า "ดูสิ มีคนตัวเล็กๆอยู่เต็มไปหมดเลย"  ทั้งๆที่ตรงนั้นไม่มีใครซักคน

"อ๋อ เป็นพวกภูติผู้พิทักษ์บ้านน่ะจ้ะ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ"
คุณแม่มักจะพูดแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่มีเรื่องประหลาดๆเกิดขึ้นในบ้านแบบนั้น

ถัดจากสวนที่บ้านไปนิดหน่อย มีโรงฝึกเคนโด้ที่คุณพ่อมักจะไปฝึกซ้อมเป็นประจำ 
พอจินเริ่มที่จะเดินได้  คุณพ่อก็เริ่มพาไปโรงฝึกเคนโด้ทันที  ซึ่งแม้ว่าการฝึกเคนโด้ของคุณพ่อนั้นจะเข้มงวดเอาจริงเอาจังแค่ไหน  ก็เทียบไม่ได้เลยกับความเข้มงวดในการเรียนหนังสือของลูกชาย  

จินเริ่มเรียนพิเศษตั้งแต่อายุ 3ขวบ  ที่ต้องเคี่ยวเข็ญให้เรียนมากขนาดนี้ก็เพื่อที่จะทำคะแนนให้ได้อย่างดีเยี่ยมในทุกๆวิชา เพราะการจะเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ แล้วผ่านการสอบรับใบประกาศณียบัตรวิชาชีพให้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยความคิดเช่นนั้น...คุณพ่อจึงเตรียมปูหนทางไว้ให้จินตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนประถม

และพอเข้าชั้นประถม จินก็ไม่ได้รับอนุญาติให้คิดเรื่องอื่นนอกเหนือไปจากเรื่องเรียนเลย  ทุกๆวัน จะต้องทำแบบฝึกหัดจากหนังสือของสำนักพิมพ์ต่างๆอย่างน้อย 5บท หรือ 50 ข้อ  ถ้าทำไม่เสร็จก็ห้ามนอน ซึ่งจินก็ทำตามที่พ่อสั่งเสมอมา   

พอเข้าชั้นป.3 จินที่ผ่านการทำโจทย์รูปแบบต่างๆมามากกว่าหมื่นข้อ ก็สามารถสอบได้เป็นอันดับหนึ่งทั้งในระดับเขต และระดับจังหวัด สมกับที่คุณพ่อได้ตั้งใจไว้

แต่อย่างนั้นก็ตาม ในวันพบผู้ปกครองที่โรงเรียนเมื่อตอนป.3 คุณครูกลับพูดแนะนำกับคุณพ่อว่า

" ตามบทเรียนในระดับชั้น ป.3 เนี่ย ใช้วิธีการคำนวนพื้นที่แบบนี้ไม่ได้นะครับ เป็นเรื่องที่ยังไม่ได้สอนในห้องเรียน "

แค่คำแนะนำสั้นๆ กลับทำให้คุณพ่อโมโหเป็นไฟ

" นี่คุณจะบ้ารึไง!! เป็นครูประสาอะไร มันก็ได้คำตอบมาถูกต้องเหมือนกันไม่ใช่เหรอ .. เรียนเลขน่ะ ขอแค่ได้ผลลัพท์มาถูกก็พอแล้วนี่" 

"เอ่อ ไม่ใช่นะครับ นี่เป็นการเรียนคณิตศาสตร์ .. คณิตศาสตร์ระดับป.3นะครับ"

"ถ้าพูดจากันไม่รู้เรื่องแบบนี้ผมกลับละ"  พอพูดจบคุณพ่อก็ดึงมือจินกลับบ้านทันที

เรื่องราวในวันนั้นเป็นที่เล่าขานกันปากต่อปากไปทั้งโรงเรียน 

จินในวัยเด็กนั้นเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าสิ่งที่คุณพ่อชี้นำมาทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เวลาที่มีใครถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เขาก็จะตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า "ผมจะเป็นหมอครับ"
เขาทุ่มเทให้กับการเรียนทั้งวันทั้งคืน   และมักจะอยู่คนเดียวเสมอที่โรงเรียน ไม่เคยสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนคนอื่นๆ หรือแม้แต่อาจารย์เองก็ตาม จินก็ไม่ค่อยได้พูดจาด้วยมากเท่าไหร่

ช่วงนั้นเกมส์แฟมิคอมกำลังเป็นที่แพร่หลาย นักเรียนหลายๆคนต่างก็คุยกันแต่เรื่องเกมส์กันอย่างสนุกสนาน ในระหว่างทางเดินกลับบ้านมีร้านเกมส์มากมายที่เด็กๆไปยืนดูเกมส์นั้นเกมส์นี้  พอได้ยินเสียงปิ๊งป่องๆๆ ของเกมส์ดังขึ้นบ่อยเข้า จินก็เริ่มสนใจ และอดไม่ได้ที่จะหันไปดูบ้าง
พอเห็นเพื่อนๆทุกคนต่างมีเกมส์เล่นกันทั้งนั้น เขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมานิดๆ


พ่อคงไม่มีทางซื้อของแบบนี้ให้แน่นอน..

แท๊น แทน แทนแทน ..
เสียงเปิดของเกมส์แฟมิคอมยังคงดังก้องอยู่ในหัว แม้จะกลับมาถึงบ้านแล้วก็ตาม
อ๊าาา..อยากลองเล่นบ้างจังเลย...มีแต่ความคิดแบบนี้อยู่ในหัวจนนอนไม่หลับ

เช้าวันรุ่งขึ้นจินถึงกับก้มหัวขอเพื่อนที่เขาคิดว่าสนิทมากที่สุดในห้อง
"ขอร้องละ  ขอยืมเกมส์แฟมิคอมเล่นวันนึงเหอะนะ"

"ห๊ะ??"
"ไม่เอาหล่ะ เรื่องอะไรชั้นต้องให้นายยืมด้วย"
"ครั้งเดียวเอง  ขอยืมหน่อยนะ ได้โปรด"
จินพูดอ้อนวอนพร้อมกับก้มหัวอยู่แบบนั้นจนเพื่อนเริ่มใจอ่อน

"อ่ะ  ก็ได้ วันเดียวนะ"

จินดีใจมาก  พอกลับถึงบ้านก็เล่นเกมส์ทันที  แน่นอนว่าเกมส์ที่ดังสุดๆตอนนั้นก็ต้องเป็นมาริโอ

เกมส์มาริโอ้แฟมิคอม ดังมากๆๆๆ เกิดทันกันอ๊ะเปล่าาา
แท่น แทน แท๊น  เสียงเพลงเปิดมาริโอดังขึ้น
"หวาา มาริโอมาแล้วๆๆ"
"ได้เห็ดแล้ว เย้ๆ"
"อ๊า.. กระโดดไม่ถึง"
"อ้าว ตายซะแล้ว"

จินเล่นเกมส์กดอย่างสนุกสนานจนลืมเวลาและไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบๆตัว
เขาไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า คุณพ่อเดินเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่

พอรู้สึกตัวอีกที เกมส์กดในมือก็โดนคุณพ่อแย่งไปต่อหน้าต่อตา  คุณพ่อไม่พูดอะไรทั้งสิ้น  ดึงสายไฟออก แล้วเดินลงไปในสวนข้างล่าง จินวิ่งตามลงมาด้วยความตกใจ และเห็นพ่อของตัวเองเอาฆ้อนทุบเกมส์แฟมิคอมของเพื่อนแตกเป็นเสี่ยงๆโดยไม่พูดอะไรซักคำ  โดยที่จินได้แต่ยืนมองน้ำตาปริ่ม

วันรุ่งขึ้น  จินหอบเอาเครื่องเล่นเกมส์ที่แตกชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปหาเพื่อน
"ขอโทษนะ .. ชั้นทำหล่นแตกไปแล้ว"
จินพูดโกหกเพื่อนไปแบบนั้นเพื่อให้มันดูเป็นอุบัติเหตุ เป็นข้อแก้ตัวเท่าที่เด็กป.3คนหนึ่งจะคิดได้
"เอ๋..............ทำไม"
เพื่อนคนนั้นร้องไห้เสียงดัง 
"ขอโทษ"
" ฮืออ ไม่ต้องมาพูดเลย แกไม่ใช่เพื่อนชั้นอีกต่อไปแล้ว"
เพื่อนคนนั้นพูดทั้งน้ำตานองหน้า

จินรู้สึกผิดกับเพื่อนมาก แต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขยังไงดี  แม้จะเรียนเก่งซักแค่ไหน แต่จินก็มักจะมีปัญหาในการเข้าสังคมตลอด ไหนจะเรื่องที่คุณพ่อมาขึ้นเสียงกับอาจารย์ที่โรงเรียน แล้วยังเรื่องที่เขาทำเกมส์ของเพื่อนเจ๊งนี่อีก ทำให้ชีวิตในวัยประถมของจินดำเนินไปด้วยการเรียนด้วยตัวคนเดียวเสมอมา 

ในตอนนั้น ช่วงเวลาที่ได้ผ่อนคลายบ้างก็จะมีแค่บางเวลาที่ได้ไปเล่นในสวนกับน้องชายที่อายุห่างกัน3ปีเท่านั้น ทั้งเล่นก่อกองทราย  ปีนบันได และเครื่องเล่นต่างๆ  จินเคยช่วยน้องชายที่จะจมน้ำในบ่อไว้ครั้งหนึ่งด้วย   ในช่วงเวลานั้น..เรียกได้ว่ามีแค่น้องชายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวนั่นเอง

นอกจากจินจะชอบอ่านหนังสือแล้ว เขายังชอบวาดรูปอีกด้วย  บางครั้งเขาก็มักจะเล่นระบายสีเมจิกับน้องชาย รูปกันดั้มที่เขาวาดนั้นดูดีขนาดที่แม่เอ่ยปากชมตลอด 

แต่ว่า...จากเด็กที่เล่นสนุกอย่างไร้เดียงสาและว่านอนสอนง่ายคนนั้น  พอเวลาผ่านไป  เขาก็โตขึ้นมากลายเป็นเด็กที่เริ่มมีใจต่อต้านกับกฎระเบียบต่างๆมากมายที่คุณพ่อสร้างขึ้น

"อย่ามาโกหกพ่อนะ"
"ทำการบ้านเสร็จรึยัง .. แล้วแบบฝึกหัดน่ะ ทำครบแล้วรึเปล่า"
"ทำหมดแล้วครับ"
คำตอบของจินนั้นเหมือนกันทุกวัน .. แต่เบื้องหลังนั้น  บางวันก็เป็นเรื่องจริง  บางวันก็พูดโกหกไปให้พ้นๆเท่านั้น

วันไหนที่คุณพ่อจับได้ว่าโกหก จินก็จะโดนตบที่แก้มอย่างแรง ไม่มีการยกโทษให้เด็ดขาด

"ทำไมถึงเป็นเด็กขี้โกหกแบบนี้!!"

สำหรับจินแล้ว สิ่งที่คุณพ่อดุด่ามาทั้งหมด เขาคิดว่าต้นเหตุนั้นมาจากเรื่องการเรียนล้วนๆ
ทำให้ยิ่งนานวัน ยิ่งทำให้เขาเกลียดการเรียนหนังสือมากยิ่งขึ้น

ทุกๆวันเขาเฝ้าคิดแต่ว่า  ถ้าได้ไปอยู่ในโลกที่ไม่ต้องเรียนหนังสือเลยก็คงดี  

แต่โลกแบบนั้นมันไม่มีอยู่จริง  ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งรอบตัวมากขึ้นเท่านั้น 
จินกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงสีหน้าอารมณ์อะไรออกมามากนัก แม้จะโกรธหรือโมโหซักเท่าไหร่ก็จะเก็บอารมณ์ที่พุ่งพล่านเหล่านั้นเอาไว้ข้างใน                                                                                                                               

พอขึ้น ป.4 ครอบครัวก็ได้ย้ายบ้านจากโอซาก้ามาอยู่แถวๆอาราชิยาม่า จ.เกียวโต  เป็นบ้านเดี่ยวมือสองที่ซื้อเอาไว้เป็นของตัวเอง มีขนาดเล็กเพียง 1 ใน5ของบ้านหลังเก่า

"บ้านคราวนี้ไม่มีพวกภูติออกมาแล้วนะจ๊ะ"  คุณแม่พูดบอกเด็กๆ 

เด็กๆทั้งสามตื่นเต้นดีใจกับบ้านหลังใหม่ ทุกคนต่างได้ห้องเป็นของตัวเอง ห้องของจินกับฮิเดะนั้นอยู่ติดกัน มีเพียงประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่นกั้นเอาไว้เท่านั้น

ถึงแม้จะได้ไปอยู่บ้านหลังใหม่ แต่ตารางการเรียนที่หนักหนาสาหัสของจินก็ยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม ที่เกียวโตนี้ จินที่เรียนอยู่ชั้น ป.4 ต้องไปเรียนกวดวิชาถึง 3ที่ทุกๆวัน วันหนึ่ง ความอดทนของจินก็มาถึงจุดสิ้นสุด เขาเดินออกจากห้องเรียนกวดวิชากลางคันแล้วไม่กลับมาอีกเลยจนมืดค่ำ

เมื่อทางโรงเรียนก็แจ้งไปให้คุณแม่ได้ทราบ คุณแม่ก็เริ่มออกตามหาและพบจินนั่งอยู่ที่ริมแม่น้ำเพียงลำพัง

"จินจัง ไหวมั้ยลูก  ไม่เป็นไรนะ"
"... "
จินไม่ตอบอะไร  จริงๆแล้วก็คือไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
พอเห็นสีหน้าที่ดูเป็นห่วงของคุณแม่ ก็รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ

"เรื่องวันนี้ แม่ไม่บอกพ่อหรอก ไม่เป็นไรนะ  กลับบ้านกันเถอะ  แล้วพรุ่งนี้เริ่มต้นกันใหม่นะ"

ใบหน้าที่อ่อนโยนของคุณแม่  ไม่มีค่ำบ่นว่าใดๆเลยซักนิด ทำให้จินได้คิดทบทวนสิ่งที่ได้ทำลงไป
ในระหว่างทางกลับบ้านเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจที่ทำให้คุณแม่เป็นห่วงและลำบาก

พอกลับมาถึงบ้าน คนที่รออยู่ที่นั่นคือคุณพ่อที่กำลังโกรธจัด เดาได้ไม่ยากว่าทางโรงเรียนคงจะแจ้งเรื่องวันนี้ไปที่คุณพ่อเช่นเดียวกัน

"นี่แกทำอะไรของแก"
"...."
"บอกว่าจะไปเรียน  แล้วหายหัวไปไหนมาห๊ะ"
"....."

เสียงตะคอกของพ่อดังลั่นจนตัวสั่น  แต่จินก็ไม่ได้ตอบอะไรทั้งสิ้น
ทันใดนั้น กำปั้นของคนเป็นพ่อก็ปลิวมาโดนหน้าอย่างแรง จินล้มลงกับพื้นไปตามแรงหมัด เขาร้องไห้เสียงดังด้วยความกลัวผสมกับความเจ็บปวด

"เข้าใจมั้ย!! ทีหลังอย่ามาพูดโกหกแบบนี้อีกนะ"

ถึงแม้ว่าในตอนนั้นจินจะกลัวพ่อจนตัวสั่น  แต่ไม่ว่าจะโดนพ่อด่าว่าซักเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าอยากจะเรียนหนังสือมากขึ้นเลยซักนิด  ในหัวใจลึกๆยังคงอยากจะหนีออกไปจากโลกที่มีแต่เรื่องเรียนแบบนี้อยู่ตลอดเวลา

หลังจากนั้นจินก็เริ่มโดดเรียนพิเศษบ่อยขึ้นเรื่อยๆ โดยแกล้งทำเป็นกลับบ้านตรงตามเวลาเหมือนเดิม แบบฝึกหัดที่ต้องทำวันละ 50ข้อนั้นก็เริ่มที่จะละเลย ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่  ถ้าวันไหนคุณพ่อไม่อยู่บ้านก็ดีไป แต่วันไหนถ้าแจคพอต คุณพ่อกลับมาบ้าน ก็จะโดนพ่อโมโหใส่ทุกครั้ง  ทั้งโดนต่อว่า ตะคอก และบางครั้งก็ทำโทษให้ไปนั่งนอกบ้านในฤดูหนาวจัดที่อุณภูมิต่ำกว่า 5 องศา

แม้ว่าคุณแม่จะคอยเอ่ยปากห้าม แต่ก็ดูเหมือนว่าพ่อจะไม่ฟังเอาเสียเลย ทุกครั้งที่คุณแม่บอกว่า "พอทีเถอะ " คุณพ่อก็จะตะคอกบอกว่า "เธอไม่เกี่ยว เงียบซะ!!"

"แกเลือกที่จะเกิดมาในตระกูลนี้เองนะ รู้จักอดทนซะบ้าง "
"นั่งสำนึกผิดอยู่ตรงนั้นไปอีก2ชั่วโมงซะ"  

เสียงของคุณพ่อตะโกนออกมาใส่จินที่นั่งหนาวสั่นอยู่ข้างหน้าประตู  ในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่ว่า...

ถ้าเลือกได้  ชั้นคงไม่เลือกเกิดมาในบ้านนี้หรอก
ทำไม ต้องเกิดมาในบ้านแบบนี้ด้วยนะ 
อยากจะวิ่งหนีไปตอนนี้ แล้วจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย

แต่เมื่อคิดด้วยเหตุผลและความเป็นไปได้แล้ว จินในวัยเด็กแค่นั้นก็ยังมองไม่เห็นแนวทางที่ตัวเองจะใช้ชีวิตได้เมื่อไม่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือ  ได้แต่เก็บความเจ็บไว้ข้างใน แล้วรอคอยเวลาให้ผ่านไปท่ามกลางความหนาวเหน็บ

เวลาผ่านไป 2ชั่วโมง คุณแม่เปิดประตูมาหาด้วยความเป็นห่วง ทั้งหาเสื้อผ้าให้ใส่ทับ และเตรียมน้ำร้อนไว้ให้อาบ หลังจากที่จินเข้าบ้านมา แช่น้ำร้อน แล้วกินอาหารเย็นเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้อง
เขานอนลงบนฟูกแล้วเริ่มร้องไห้เงียบๆ

มีชีวิตอยู่แบบนี้ก็เหมือนกับอยู่ในคุกดีๆนี่เอง
ต้องมีสภาพอยู่แบบนักโทษแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กันนะ..
เป็นความคิดของจินในวัย 10ขวบ  ณ ตอนนั้น


ไม่ใช่ว่าพ่อจะเข้มงวดอยู่กับจินซะคนเดียว  ไม่ว่าจะเป็นพี่สาวหรือว่าฮิเดะที่เป็นน้องชาย ต่างคนต่างก็โดนด่า โดนตะคอกด้วยกันทุกคนเมื่อทำผิด ทุกครั้งที่พี่สาวหรือน้องชายโดนพ่อว่า  จินก็อดไม่ได้ที่จะคิดดีใจอยู่เล็กๆว่า

"ค่อยยังชั่วหน่อยที่วันนี้ไม่ใช่ชั้น"

เวลาที่เจ้าน้องชายตัวเล็กโดนพ่อทำโทษจนร้องไห้งอแง แม้จินจะเดินเข้าไปปลอบในฐานะพี่ชายว่า "ฮิเดะ เป็นอะไรมากป่าว"  แต่ในใจลึกๆเองตอนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า "นายน่ะ ยังดีนะที่สัปดาห์นี้โดนไปแค่ครั้งเดียว ชั้นโดนมาตั้ง 6ครั้งแล้ว  เจ็บกว่านายอีกเยอะ" เป็นความดำมืดในจิตใจที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่สามารถพูดออกไปได้

พอจินขึ้นชั้น ม.ปลาย เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ฮิเดะได้ขึ้นชั้นม.ต้น และต้องจากบ้านที่เกียวโตเพื่อไปเรียนที่โคจิเพียงตัวคนเดียว  ในหัวของจินนั้นอดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ว่าทำไมพ่อได้หยิบยื่นโอกาสให้น้องชายได้ไปใช้ชีวิตตามใจชอบ  ความอิสระที่ฮิเดะได้รับนั้น จินอยากได้มาตลอดแต่ไม่เคยได้สัมผัสซักครั้ง

จากนั้นมาตัวตนที่ชอบเก็บกดและเอาแต่ร้องไห้ของจินก็หายไป อารมณ์โกรธที่เคยเอาแต่สะสมไว้ข้างใน ถูกระเบิดออกมาใส่ผู้คนรอบข้าง แค่เดินไปสบตากับใครที่มีท่าทางไม่พอใจ ก็เริ่มปล่อยหมัดออกไปทันทีเพื่อระบายอารมณ์  มีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นอยู่เสมอโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครมาจากไหน

ตัวของจินในตอนนั้นเปรียบเหมือนไดนาไมท์ที่พร้อมจะระเบิดอยู่ตลอดเวลา

ทุกครั้งที่ปล่อยหมัดออกไป ทุกครั้งที่มีเรื่องทะเลาะวิวาท  ภายในหัวใจของจินนั้นลึกๆ แล้วมีเสียงหนึ่งที่ตะโกนร้องตลอดเวลาว่า ว่าเรื่องที่ทำอยู่นี้ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของตัวเองซะเลย  ความอ่อนแอ ความไม่มั่นใจว่าจะต้องทำยังไงดีกับชีวิตตอนนี้ จินทำได้แค่เก็บซ่อนมันไว้ข้างในแล้วระบายอารมณ์โกรธออกมาเท่านั้น

"โกะไดคุง ..ที่จริงแล้วเป็นคนใจดีออกนะ"
"ชั้นเข้าใจเธอนะ"
คำพูดของเพื่อนผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในห้องเดียวกันได้ช่วยเยียวยาหัวใจของจินไว้  เพียงแค่ได้มองเธอ หัวใจก็เริ่มหวั่นไหวอย่างประหลาด  เป็นครั้งแรกที่จินรู้สึก "ชอบ" ใครซักคน

แต่พอออกนอกชั้นเรียน จินก็ยังคงมีเรื่องกับคนอื่นไปทั่วอย่างไม่สามารถหยุดตัวเองได้  ชนะบ้าง แพ้บ้าง แต่ส่วนใหญ่นั้นคือชนะ

จะต้องต่อยตรงไหนถึงจะได้ผลมากที่สุด เป็นเรื่องที่พ่อได้สอนไว้เองเมื่อตอนเป็นเด็กๆ  คุณพ่อที่เป็นคุณหมอนั้นรู้ดีที่สุดเรื่องร่างกายมนุษย์ ดังนั้นสิ่งที่พ่อพูดมานั้นคือถูกต้องที่สุด

"จำไว้นะ ว่าถ้ามีเรื่องกันละก็  ชกเข้าที่ตรงนี้แค่ทีเดียว ร่างกายมนุษย์น่ะ ทนไม่ได้หรอก"

สำหรับจินที่มีเรื่องกับเค้าไปทั่ว ... คำพูดนั้นเป็นคำสอนที่จินรู้สึกว่ามีประโยชน์ที่สุดแล้วของพ่อ












Sorette kiseki -บทที่ 2.5 การเติบโตของจิน Sorette kiseki -บทที่ 2.5 การเติบโตของจิน Reviewed by ITadmin on 09:53:00 Rating: 5

1 comment:

  1. เอาจริงๆอยากให้จินโดดตึกแบบในละครเลยดีกว่า พ่อจะได้ยกโทษกับเค้าให้555555(ล้อเล่นแค่หยอกๆหย่อยนะ ทุกคนอย่าด่าเรานะอิอิ)

    ReplyDelete